โบรกเกอร์ เห็นพ้องแนะนำลงทุนหุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)มองเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง งบไตรมาส 2/51 คาดกำไรโต แต่ให้ระวังราคาที่อาจปรับลงตามภาวะตลาดได้อีก จึงควรรอจังหวะให้ภาพรวมนิ่งก่อนจะเข้าซื้อ ไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะPTTEP เป็นหุ้นใหญ่มีน้ำหนักในตลาด ขณะที่มองว่าดัชนีตลาดรวมในช่วง ส.ค.-ก.ย.นี้มีโอกาสปรับลงต่ำสุดจากภาวะการเมืองและเศรษฐกิจ อาจลงต่ำกว่า 700 จุด
ราคาหุ้น PTTEP ลงไปต่ำมาก ห่างจากราคาเป้าหมายอยู่มาก โดยขณะนี้ ราคาเคลื่อนไหว 172.00 (10.53 น.) โดยเช้านี้ลงไปต่ำสุดที่ 170 บาท ซึ่งก่อนหน้าราคาลงไปต่ำสุดที่ 167 บาทเมื่อ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.พัฒนสิน ซื้อ 250
บล.ไซรัส ซื้อ 224
บล.บัวหลวง รอจังหวะเข้าซื้อ 220
บล.ฟิลลิป ซื้อ 218
บล.กิมเอ็งฯ ซื้อ 210
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.บัวหลวง มองว่า หุ้น PTTEP เป็นหุ้นที่ความเชื่อมโยงกับราคาน้ำมัน ขณะเดียวกัน valuation ไม่ได้แพงเมื่อเทียบกับหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน และบริษัทก็มีการสำรวจและผลิตเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ก็ยังเป็นประเด็นที่คิดว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจ
ในระยะสั้น อาจจะมีเรื่องการสำรวจแหล่งปิโตรเลียม ซึ่งการสำรวจมีทั้งโอกาสพบและไม่พบ ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจ
"ในช่วงเวลาอย่างนี้ หุ้น PTTEP เป็นตัวเลือกที่ดี วันนี้ถ้าเราสังเกตุ หุ้นถูกลดน้ำหนักเป็นลักษณะที่ต่างประเทศลดน้ำหนักการลงทุนในประเทศไทยมากกว่า เพราะ หุ้น BANPU มีแรงขายหนักเมื่อวันศุกร์ หุ้น PTT ก็ยังลง หุ้น PTTEP ก็ลงด้วย ซึ่งเข้าใจว่าก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นแบงก์ค่อนข้างเยอะ แต่พลังงานยังไม่ขาย ที่เป็นอย่างนี้เข้าใจเป็นนการสะท้อนการลดน้ำหนักการลงทุนในไทย แต่ถ้ามองปัจจัยพื้นฐานก็ยังโอเค"นายชัยพร กล่าว
ดังนั้น จึงเห็นว่าควรรอจังหวะเข้าซื้อ ให้ภาวะตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวลงไปก่อน เพราะต้องยอมรับว่าหุ้น PTTEP เป็นหุ้นที่ถ่วงน้ำหนักดัชนีมาก แต่การจะเข้าเมื่อไรต้องมองภาพรวมก่อน หากตลาด sattle ได้มากขึ้น โดยคาดว่าดัชนี SET จะอยู่ต่ำกว่า 700 จุด
"ผมคิดว่าตลาดตอนนี้กำลังมองหาว่าจุดไหนเป็นจุดต่ำสุด เราคิดว่าเรื่องการเมืองจะกดตลาดในเดือนส.ค.-ก.ย.ลงไปต่ำอีก"นายชัยพร กล่าว
เช่นเดียวกับนายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าว แนะนำซื้อหุ้น PTTEP ในแง่ปัจจัยพื้นฐาน เนื่องจากราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังอยู่ในระดับสูงอยู่ และอุปสงค์ก๊าซยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งปริมาณสำรองจากการขุดเจาะนำมาใช้ในครึ่งปีหลังหรือต้นปีหน้า รวมทั้ง อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
"คนที่จะเข้าซื้อขณะนี้ ควรจะเป็นคนใจเย็น มีความอดทนสูง...การอ่อนตัวลงของหุ้น PTTEP ไม่ได้เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน ฉะนั้นผู้ที่เล่นพื้นฐานก็น่าสนใจ แต่จังหวะเข้าซื้อต้องรออีกระยะหนึ่ง"นายชัย กล่าว
ในเชิงเทคนิค มองว่าราคาแนวรับอยู่ที่ 167 บาท แนวต้านอยู่ที่ 187-190 บาท ซึ่งเล่นเก็งกำไรในกรอบก็ได้ ขณะเดียวกัน ตลาดรวมคาดว่าในช่วง 2-3 เดือนนี้ ดัชนีตลาดฯใกล้ถึงจุดต่ำสุด โดยคาดว่า เงินเฟ้อในเดือนส.ค.จะปรับตัวสูงขึ้นมากและจากปัจจัยการเมืองเป็นตัวกดดัชนีในระยะนี้
ด้านนายพงษ์พันธ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น PTTEP ปรับลงไปมากตามแรงขายของดัชนีโดยรวม และจากกลุ่มเก็งกำไร เพราะราคาน้ำมันทยอยปรับตัวลง
"ต่างประเทศอาจจะขายด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าดูแล้วราคาสมเหตุสมผล ก็โอเค ณ วันนี้ก็น่าเข้าไปซื้อ ถึงแม้ราคาจะ slide ยังไง แต่เมื่อเห็นว่าราคาดี ก็ดูจังหวะก็เข้าซื้อได้" นายพงษ์พันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ เห็นว่า PTTEP มีความสามารถทำกำไรของบริษัทอยู่อย่างต่อเนื่อง ถือว่าใช้ได้ แต่เนื่องจากหุ้น PTTEP เป็นหุ้นที่มีน้ำหนักมากของดัชนี ทำให้ราคาลงตามภาวะตลาด ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดจะมีความเสี่ยง และราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวลง ก็มองเป็นโอกาสเพราะเวลาซื้อควรซื้อตอนที่คนเขาอยากขาย ขายตอนที่คนอยากซื้อ จึงไม่ต้องกังวล การที่ราคาปรับตัวลงมาก็สะท้อนความเสี่ยงตลาดลงมามากแล้ว
บล.ฟิลลิป คาดว่าในไตรมาสที่ 2/51 PTTEP จะมียอดขาย 205,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งสูงกว่าในไตรมาส 1/51 ทั้งนี้เพราะแหล่งก๊าซอาทิตย์สามารถผลิตได้เกินเป้าหมายที่ 330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และคอนเดนเสท 11,000 บาร์เรลต่อวัน โดยผลิตได้สูงถึง 370 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และคอนเดนเสท 20,000 ลิตรต่อวัน ราคาขายเฉลี่ยคาดว่าจะปรับขึ้นเป็น US$54 ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (BOE) สูงกว่าในไตรมาสแรก
จึงคาดว่ารายได้ไตรมาส 2 นี้มีประมาณ 34,839.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน และ 28.22% จากไตรมาส 1/51 และคาดมีกำไรสุทธิประมาณ 10,993.11 ล้านบาท โตขึ้น 53.58% จากปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน และ 23.45% จากไตรมาสแรกที่ผ่านมา
และยังคงประมาณการว่า PTTEP สามารถสร้างยอดขายได้ 223,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 24.05% จากปี 2550 แต่เนื่องจากปรับสมมุตฐานราคาน้ำมันเพิ่มเป็น 102 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มจาก 80 เหรียญต่อบาร์เรล จึงทำให้ปรับรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 145,656.89 ล้านบาท ส่งผลให้ปรับกำไรสุทธิ จะเพิ่มขึ้นเป็น 42,257.97 ล้านบาท จากประมาณการเดิมที่ 36,447 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--