นายพุทธชาติ รังคสิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น(TWZ) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธทางธุรกิจด้วยการมุ่งเน้นสินค้าในระดับกลางและระดับล่างที่มีราคาต่ำ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาก พร้อมทั้งเน้นทำรายได้จากอุปกรณ์เสริมที่ให้มาร์จิ้นสูง
จากการที่ผู้บริโภคชะลอกำลังซื้อในช่วงนี้ บริษัทได้เน้นการทำตลาดเครื่องโทรศัพท์มือถือระดับกลาง-ระดับล่างมากขึ้น โดยระดับกลางจะมีราคาอยู่ที่ที่ 1.5-2.5 พันบาท ส่วนระดับล่างจะมีราคาไม่ถึง 1 พันบาท เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวยังมีความต้องการสูง ขณะที่โทรศัพท์มือถือยังจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน
พร้อมกันนั้น บริษัทยังรุกตลาดประเภทอุปกรณ์เสริม โดยเฉพาะ Handfree ที่มีกฎหมายออกบังคับห้ามคุยโทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ ซึ่งอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ มีมาร์จิ้นดีกว่าตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือที่มีมาร์จิ้นเฉลี่ยประมาณ 10-15%
ดังนั้น บริษัทจึงเร่งออกอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่ๆ มากระตุ้นตลาด โดยจะออก Handfree อีก 2 รุ่นในเดือนก.ค.นี้ ภายใต้แบรนด์ TWZ ที่สั่งผลิตจากไต้หวัน ระดับราคาประมาณ 1-2 พันบาท ซึ่งอาจแพงกว่าที่อื่นเล็กน้อย แต่จะมีฟังก์ชั่นมากขึ้น เช่น การรับสายที่โทรเข้ามา 2 สายแต่ใช้ Handfree ตัวเดียว โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับความสนใจจากค่ายโทรศัพท์มือถือที่จะขายพ่วงกัน
“ตอนนี้ผู้ประกอบการต้องพยายามคิดและตีโจทย์ผู้บริโภคให้ออกว่าต้องการอย่างไร ใครที่มองออกก่อนก็จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งมองว่าช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งคือการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองจะเป็นสิ่งที่สำคัญและทำให้บริษัทยังยืนได้ รวมทั้งต้องมีสินค้าตัวเอง ตรงความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเราก็มีตัวแทนการจัดจำหน่ายทั่วประเทศทำให้รองรับกับผู้บริโภคทั่วถึง “นายพุทธชาติกล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
นายพุทธชาติ กล่าวว่า การปรับกลยุทธทางธุรกิจดังกล่าว ทำให้รายได้ของ TWZ ในปีนี้ยังมีโอกาสที่จะเป็นไปตามที่วางไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ส่วนมาร์จิ้นเฉลี่ยคาดอยู่ที่ 12-15% จากการเพิ่มยอดขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ให้ได้ตามเป้าหมายเดือนละ 5 หมื่นเครื่อง
โดยบริษัทยังเน้นการสร้างกำไรมากกว่ารายได้ เพื่อทำให้เติบโตอย่างยั่งยืน
หากบริษัทมีกำไรดีก็จะสามารถควบคุมมาร์จิ้นได้ดีกว่าการขายที่เน้นปริมาณ เนื่องจากจะสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่า โดยเฉพาะค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นมาประมาณ 10-20% จึงไม่น่ากระทบต่อกำไรของบริษัทในปีนี้ และบริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ TWZ ให้มากขึ้นเป็น 50% ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่ 30%
นายพุทธชาติ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารที่พักอาศัยที่บริษัทได้รับสัญญาเช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย 24 ปีนั้น นายพุทธชาติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขแบบและปรับทัศนียภาพต่างๆเพื่อให้เป็นไปตามสำนักงานสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้พื้นที่ที่ประมาณ 4 ไร่ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเห็นการก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--