นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ ฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ กล่าวว่า เมื่อเสถียรภาพของการเมืองเริ่มมีความไม่แน่นอน ก็ย่อมที่จะส่งผลกระทบถึงโครงการเมกะโปรเจ็คต์ไปด้วย โดยอาจจะต้องล่าช้ายืดเยื้อต่อไป ซึ่งประเมินว่าระยะเวลาภายใน 6 เดือนนี้คงจะยังไม่เห็นผลชัดเจนของโครงการเมกะโปรเจกต์ แต่ความคืบหน้าอาจจะมีได้เห็นบ้าง
"ตอนนี้ก็มีคำถามว่าคนผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็คต์จะอยู่ได้กี่วัน รัฐบาลชุดนี้จะอยู่นานแค่ไหน จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ภายหลังจากที่มีการตัดสินคดีของคุณยงยุทธ แล้วก็ทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมืองในระดับหนึ่งแล้ว"
อย่างไรก็ตาม โครงการเมกะโปรเจ็คต์เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำต่อไป ไม่ว่ารัฐบาลจะเป็นใครก็ตาม เพราะเมืองไทยอยู่ในช่วงที่พัฒนา ขณะที่ infrastructure ยังไม่พร้อม ซึ่งเมกะโปรเจ็คต์จะเป็นการสร้างพื้นฐานในกาพรัฒนาประเทศ แต่ความล่าช้า ความยืดเยื้อของโครงการอาจจะเกิดขึ้นได้จากปัญหาเสถียรภาพรัฐบาล
นายอดิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในเชิงปฏิบัติคงจะสร้างความลำบากใจให้แก่ผู้ที่รับผิดชอบงานตรงนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะถูกหางเลขไปด้วยหรือไม่ และคนที่ผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็คต์จะทำได้มากแค่ไหนในสภาพแวดล้อมการเมืองขณะนี้
"จริง ๆ ชัดเจนที่หุ้นในกลุ่มรับเหมา ภายหลังเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองขึ้น ยกตัวอย่าง หุ้น ITD เมื่อต้นปีนี้(2551)อยู่ที่ 9.65 บาท ณ ตอนนี้อยู่ที่ 4.50 บาท ลดลง 53.37% ภาพตรงนี้สะท้อนอะไร ก็เห็นได้ชัดเจน ซึ่งหุ้นตัวนี้ก่อนหน้านี้ราคาขึ้นไปด้วยเรื่องการคาดหวังว่าจะได้งานจากโครงการเมกะโปรเจ็คต์แล้วจะส่งผลให้ผลประกอบการมีการเติบโต แต่ปรากฏว่าโครงการนี้มีความล่าช้าไปเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการผลักดันที่แท้จริง เพราะผู้ปกครองมัวแต่ไปยุ่งอยู่กับเรื่องภายในของเขา"นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายสุรศักดิ์ อนุตรโสตถิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเมืองขณะนี้มีความไม่แน่นอน ทำให้มีผลกระทบต่อโครงการเมกะโปรเจ็คต์ที่มองว่าคงจะต้องมีความยืดเยื้อออกไป แต่ที่แน่ ๆ มองว่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งได้ขายซองประมูลไปแล้ว ก็น่าจะดำเนินการต่อไปได้ในปีนี้(2551) ส่วนสายอื่นที่เหลือยังมีความไม่แน่นอน
"กลุ่มรับเหมาฯคงจะไม่ได้หรือเสียอะไร เพราะปีที่แล้ว(2550)ก็ยังไม่มีโครงการรถไฟฟ้าเลยเหมือนกัน แต่เชื่อว่าโครงการเมกะโปรเจกต์คงจะยังต้องมีต่อไป แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ก็ตาม เพียงแต่การดำเนินการของโครงการคงจะต้องยืดเยื้อออกไป"นายสุรศักดิ์ กล่าว
นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯปีนี้(2551)คงจะออกมาไม่ดี ซึ่งผลประกอบการงวดไตรมาส 1/51 ที่ผ่านมาก็อยู่ในลักษณะทรง ๆ ตัว ส่วนงวดไตรมาส 2/51 คงจะต้องรอดูก่อน ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง จะรับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นมาก/น้อยแค่ไหน แล้วค่อยทำการปรับประมาณการกันอีกที
ขณะนี้ยังคงตั้งประมาณการไว้ที่เดิมคือ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) คาดว่าปีนี้(51)จะมีกำไรประมาณ 1,130 ล้านบาท, บมจ.ช.การช่าง(CK)จะมีกำไรประมาณ 257 ล้านบาท และบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC)จะมีกำไรประมาณ 123 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--