ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกปัญหาภาคการเงิน ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 236.77 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในธุรกิจการเงิน ส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มการเงินอย่างหนัก โดยหุ้นแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ถูกแรงขายทุบร่วงลงหนักสุด
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 236.77 จุด หรือ 2.08% ปิดที่ 11,147.44 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 29.01 จุด หรือ 2.28% ปิดที่ 1,244.69 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง  59.55 จุด หรือ 2.60% ปิดที่ 2,234.89 จุด
          ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.49 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.28 พันล้านหุ้น
          สก็อต เวร็น นักวิเคราะห์จากบริษัทวาโชเวีย ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า "นักลงทุนเทขายหุ้นแฟนนี เม และเฟรดดี แมค และหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มการเงิน เนื่องจากความกังวลที่ว่าบริษัททั้งสองอาจต้องนำหุ้นออกขายในจำนวนที่มากเกินคาด เพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดที่อยู่อาศัย ขณะที่หุ้นเมอร์ริล ลินช์ ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากฟิชท์ เรทติ้งส์ ประกาศเครดิตพินิจและมีแนวโน้มปรับลดอันดับเครดิตแก่เมอร์ริล ลินช์"
          "นักลงทุนชะลอคำสั่งซื้อลง และหันมาเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน เนื่องจากความกังวลที่ว่าอาจมีวาณิชธนกิจหรือธนาคารอีกหลายแห่งที่ต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชี" เวร็นกล่าว
          เมื่อวานนี้ นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของบริษัทเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค แสดงความเห็นว่า แม้ปัญหาบางอย่างในตลาดสินเชื่อเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่ตลาดยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นในระยะใกล้นี้ พร้อมกล่าวว่า หลายฝ่ายไม่ควรมีการมองว่าวาณิชธนกิจในย่านวอลล์สตรีทมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะล้มละลาย 
          "เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับอุปสรรคต่อไปในระยะสั้น ธนาคารพาณิชย์, ธนาคารระดับภูมิภาค และตลาดการจ้างงานจะเป็นภาคเศรษฐกิจกลุ่มต่อไปที่จะเผชิญกับแรงกดดันอย่างรุนแรง โดยภาคธนาคารจำเป็น ต้องยอมรับความเป็นจริงมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงในผลิตภัณฑ์บางประเภทของธนาคาร" นายไดมอนกล่าว
          นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่เคลื่อนตัวในระดับสูง หลังจากสถานีโทรทัศน์อัล-อาลัมของทางการอิหร่านรายงานว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่านได้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล Shahab 3 ซึ่งมีน้ำหนัก 1 ตัน และมีรัศมีทำการ 2,000 กิโลเมตร ซึ่งสามารถไปไกลถึงดินแดนอิสราเอล ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าการยิงทดสอบขีปนาวุธของอิหร่านจะนำไปสู่สงคราม
          หุ้นเฟรดดี แมค ดิ่งลง 20% หุ้นแฟนนี เม ร่วงลง 13% ส่วนหุ้นเมอร์ริล ลินช์ ทรุดตัวลง 9.3% 
          หุ้นซิสโก ซิสเต็ม ดิ่งลง 5.7% ซึ่งฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงด้วย หลังจากนักวิเคราะห์ของอาร์บีซี แคปิตอล ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ และหลังจากซีอีโอของซิสโก ซิสเต็มส์ คาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีจะฟื้นตัวขึ้นช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
          ส่วนหุ้นนอร์ธเวสท์ แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 16% หลังจากสายการบินนอร์ธเวสท์ แอร์ไลน์สประกาศว่าจะลดจำนวนพนักงาน 2,500 ตำแหน่ง หรือประมาณ 8% ของอัตราจ้างงานทั้งหมดในองค์กร เพื่อชดเชยต้นทุนราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น