ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวการทำข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของบริษัทเคมีภัณฑ์รายใหญ่ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากความกังวลเรื่องแนวโน้มภาคการเงินและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า คณะกรรมการเฟดมุ่งมั่นที่จะสร้างเสถียรภาพด้านการเงิน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 81.58 จุด หรือ 0.73% ปิดที่ 11,229.02 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 8.70 จุด หรือ 0.70% แตะระดับ 1,253.39 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 22.96 จุด หรือ 1.03% แตะระดับ 2,257.85 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.53 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 16 ต่อ 15 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.30 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับข่าวที่ว่า บริษัท Dow Chemical เสนอซื้อหุ้นบริษัท Rohm and Haas ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง ด้วยวงเงิน 1.53 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ ทั้งนี้ หุ้น Rohm and Haas ดีดขึ้น 64%
ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหลังจากนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวต่อสภาคองเกรสว่า บริษัทการเงินส่วนใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทคาดว่ารัฐบาลไม่จะสามารถแก้ปัญหาด้านการเงินของบริษัทได้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สถาบันการเงินหลายแห่งย่ำแย่ลง
หุ้นแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลที่ว่าสถานการณ์ด้านการเงินที่อ่อนแออาจทำให้ทั้ง 2 บริษัทต้องนำหุ้นออกขายมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มการเงินดิ่งลง โดยเฉพาะหุ้นเลห์แมน บราเธอร์สที่ดิ่งลงอย่างหนัก
ก่อนหน้านี้เลห์แมน บราเธอร์ส คาดการณ์ว่า แฟนนี เม และเฟรดดี แมค อาจจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่ม เนื่องจากตลาดสินเชื่อยังคงเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่ย่ำแย่ โดยคาดว่าแฟนนี เม อาจต้องระดมทุนราว 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ และเฟรดดี แมค อาจระดมทุนราว 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยแฟนนี เม และเฟรดดี แมค เป็นหน่วยงานซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่พุ่งขึ้น 5.60 ดอลลาร์ แตะที่ระดับ 141.65 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อข่าวที่ว่าอิหร่านได้ทดสอบยิงขีปนาวุธรอบที่สองเมื่อวานนี้ และจากความกังวลเรื่องภาวะติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมันในไนจีเรีย
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่นายเบอร์นันเก้ และนายพอลสัน ยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า พวกเขากำลังดำเนินการทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดการเงิน พร้อมระบุว่าการปรับปรุงด้านกฏข้อบังคับในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ในอนาคตได้
ทั้งนี้ หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ร่วงลง 8.2% หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือในแง่ของความแข็งแกร่งด้านการเงินของ AIG ขณะที่หุ้นเฟรดดี แมค ดิ่งลง 22% หุ้นแฟนนี เม ดิ่งลง 13.8% หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ร่วงลง 12.4%
หุ้นธนาคารวาโชเวีย ร่วงลง 8.1% หลังจากธนาคารประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ หุ้นวอล-มาร์ท ดิ่งลง 46 เซนต์ ปิดที่ 57.21 ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--