บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาวของบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) ที่ 'A-(tha)' และอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)' ในขณะเดียวกันฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทซึ่งมีมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาทที่ระดับ ‘A-(tha)’ (A ลบ (tha)) แนวโน้มเครดิตของบริษัทมีเสถียรภาพ
การจัดอันดับครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความได้เปรียบในการแข่งขันของ IRPC เนื่องจากการผลิตที่ต่อเนื่องตั้งแต่การกลั่นน้ำมันไปจนถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลาย (Downstream) รวมถึงประสบการณ์และชื่อเสียงของบริษัทในธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายในประเทศอันยาวนาน การผลิตปิโตรเคมีที่ครบวงจรดังกล่าวทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิต สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายชนิดซึ่งทำให้บริษัทสามารถเลือกแผนการผลิตที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด และยังช่วยลดความผันผวนของรายได้อีกด้วย อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงสถานะทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น โดย IRPC มีสัดส่วนหนี้สินลดลงอย่างมากเนื่องจากการเพิ่มทุนและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมาก แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเนื่องจากแผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทยังคงลดลงในปี 2550 แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (Adjusted Net Debt to EBITDAR) ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.6 เท่าในปี 2550 จาก 1.4 เท่าในปี 2549 แต่อัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 0.9 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 (คำนวณโดยใช้กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าย้อนหลัง 12 เดือน) ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สิน (Funds from Operations Adjusted Net Leverage) ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.5 เท่าในปี 2550 จาก 1.3 เท่าในปี 2549 แต่ได้เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 0.8 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 (คำนวณโดยใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินย้อนหลัง 12 เดือน) อย่างไรก็ตามการลงทุนที่สูงในช่วงปี 2551-2554 ตามแผนการลงทุนในเฟสที่ 2 น่าจะทำให้หนี้สินและอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทสูงขึ้นในช่วงปี 2552 ถึง 2554 ในขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการลงทุนใหม่ จะช่วยให้หนี้สินและอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทลดลงหลังจากปี 2554 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าโดยเฉลี่ยในช่วง 5 ปีข้างหน้าน่าจะอยู่ในช่วง 2.0 ถึง 2.5 เท่า
ฟิทช์กล่าวอีกว่า IRPC ยังได้รับประโยชน์จากการที่มี บมจ. ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยบริษัทสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานจากการร่วมดำเนินการกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. อย่างไรก็ตามการพึ่งพากันในการดำเนินธุรกิจและการผลิตระหว่างบริษัทกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ยังคงอยู่ในระดับที่จำกัด เนื่องจากการดำเนินธุรกิจและการผลิตของ IRPC ค่อนข้างจะเป็นอิสระและมีกระบวนการผลิตที่ต่อเนื่องครบวงจรอยู่แล้ว
ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของบริษัท ถูกลดทอนจากปัจจัยเสี่ยงที่บริษัทต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมัน ค่าการกลั่นตลอดจนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในตลาดโลกซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรและสร้างกระแสเงินสดของบริษัท อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงกระบวนการการกลั่นน้ำมันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่เข้มงวดขึ้นและมีความคล่องตัวในการเลือกน้ำมันดิบและผลิตผลิตภัณฑ์มากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้น รวมถึงการพึ่งพาการส่งออกที่ค่อนข้างสูงในธุรกิจปิโตรเคมีเนื่องจากประเทศไทยมีกำลังการผลิตโพลีเมอร์เกินความต้องการใช้ภายในประ เทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดหาน้ำมันดิบเนื่องจากบริษัทยังต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบในสัดส่วนที่สูง
แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันและสถานะทางการตลาดที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเอาไว้ได้ เนื่องจากการผลิตที่ต่อเนื่องตั้งแต่การกลั่นน้ำมันไปจนถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลาย และสามารถจะรักษาสัดส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่จัดการได้ในช่วงที่ธุรกิจปิโตรเคมีอยู่ในช่วงวัฎจักรขาลงและในช่วงที่มีการลงทุนในระดับที่สูงขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--