ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกแฟนนีเม,เฟรดดีแมคกดดาวโจนส์ปิดลบ 128.48 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกำลังวิตกกังวลและประเมินสถานการณ์ความเสี่ยงที่บริษัทแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐกำลังเผชิญอยู่ นักลงทุนเกรงว่า หากแฟนนี เมและเฟรดดี แมค ล่มสลาย ระบบการเงินสหรัฐจะต้องเผชิญกับภาวะผันผวนอย่างหนัก และยังจะทำให้ธนาคารต่างๆและบริษัทหลักทรัพย์ที่ถือหลักทรัพย์ที่หนุนหลังโดยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (mortgage-backed securities หรือ MBS) จำนวนมากขาดทุนมากกว่าเดิม
          นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นทำสถิติสูงระดับใหม่กว่า 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดเช่นกัน
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 128.48 จุด หรือ 1.14% ปิดที่ 11,100.54 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดอ่อนตัวลง 13.90 จุด หรือ 1.11% แตะระดับ 1,239.49 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 18.77 จุด หรือ 0.83% แตะระดับ 2,239.08 จุด
          หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐพิจารณาแผนการเทคโอเวอร์กิจการของบริษัทแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หากพบว่าสถานะทางการเงินของบริษัททั้ง 2 ยังคงย่ำแย่
          นิวยอร์ก ไทม์สระบุว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังหารือเรื่องการนำแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ให้อยู่ในเครือข่ายองค์กรที่ได้รับความคุ้มครองของรัฐบาล หลังจากที่ราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัททรุดตัวลงอย่างหนัก และต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทพุ่งสูงขึ้นจนกทำให้นักลงทุนกังวลว่าบริษัทอาจขาดทุนไม่ต่ำกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์
          นอกจากนี้ นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช กำลังพิจารณาข้อเสนอที่จะให้รัฐบาลเป็นผู้รับประกันหนี้สินของแฟนนี เม และเฟรดดี แมคเอง หรือ หนี้สินที่ทั้งสองบริษัทไปรับประกันให้กับบริษัทอื่นๆ เป็นวงเงินราว 5 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม คาดว่า รัฐบาลอาจไม่เลือกแนวทางดังกล่าวเพราะอาจทำให้หนี้สินของรัฐพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่า
          หุ้นเฟรดดี แมค ร่วง 25 เซนต์ หรือ 3.1% แตะ 7.75 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นแฟนนี เม ดิ่ง 2.95 ดอลลาร์ หรือ 22% แตะ 10.25 ดอลลาร์
          หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ตกลง 2.87 ดอลลาร์ หรือ 16.6% แตะ 14.43 ดอลลาร์ เนื่องจากเทรดเดอร์เกรงว่า วาณิชธนกิจรายนี้จะไม่สามารถแบกภาระหนี้สินต่อไปได้