บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON)คาดรายได้ในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก ปัจจัยหลักมาจากการ
ขายโรงงานให้เช่าเข้ากองทุนทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน(TFUND)ในไตรมาส 4/51 มูลค่า 2.6-2.7 พันล้านบาท ขณะที่ยอดเช่ายังดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่เช่าแล้ว 8 หมื่นตรม.และทยอยปรับขึ้นค่าเช่าต่อเนื่อง หลังจากที่ครึ่งปีแรกปรับแล้ว 10% ตามต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มเฉลี่ย 20%
TICON ระบุว่ายังไม่มีสัญญาณชะลอการลงทุนแม้การเมืองไม่แน่นอน เชื่อธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบ มั่นใจปีนี้ทำกำไรได้ดีกว่าปีก่อน(ไม่นับรวมรายการพิเศษ 153 ล้านบาท) รายได้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายเติบโต 10-15% เป็นประมาณ 4 พันล้านบาท จากปีก่อน 3.5 พันล้านบาท เตรียมออกหุ้นกู้อีก 500 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง เพื่อลดความเสี่ยงต้นทุนการเงินที่แนวโน้มมีการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และคาดระดมทุนจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอแรนต์)ได้กว่า 4 พันล้านบาทเพื่อใช้ขยายธุรกิจต่อไป
"รายได้ปีนี้ เราก็ยังไม่ปรับเป้า ก็คิดว่าโตประมาณ 10-15% เพิ่มมาประมาณเกือบๆ 4 พันล้านบาทจากปีก่อนที่ได้ 3.5 พันล้านบาท ก็ธุรกิจเราไปได้เรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวา แต่ว่า yield ปีนี้ลดลงไปเหลือ 18%จาก 20%ในปีที่แล้ว ก็ยังถือว่าได้สูงอยู่ ก็คิดว่ากำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน คือไม่คิดกำไรก่อนหักรายการพิเศษที่มีอยู่กว่า 100 ล้านบาท" นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ TICON กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ในปี 50 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,063 ล้านบาท โดยมีรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน TFUND จำนวน 153 ล้านบาท
นายวีรพันธ์ คาดว่า รายได้และกำไรสุทธิในไตรมาส 2/51 ดีกว่าไตรมาส 1/51 ที่มีรายได้ 251 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 51.62 ล้านบาท เนื่องจากยอดการเช่ายังโตต่อเนื่องและมีการรับรู้รายได้จากการขายโรงงาน 1 แห่ง ส่วนอีก 1 แห่งจะรับรู้ในเดือน ก.ค.นี้
ขณะที่แนวโน้มในครึ่งปีหลังเท่าที่ดูขณะนี้ยังไม่มีนักลงทุนต่างประเทศรายไหนถอนการลงทุนหรือชะลอการลงทุน มีแต่เข้ามาเรื่อยๆ ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าการเมืองจะมีความขัดแย้งกันมากในขณะนี้ก็ตาม แต่ต่างชาติมองว่าถ้าไม่มีการปะทะกันรุนแรงไม่มีปัญหา เพราะการออกมาประท้วงเป็นเรื่องปกติของสังคมประชาธิปไตย แต่ถ้าเกิดปะทะมีการใช้กำลังก็คงหวั่นเกรงในเรื่องความปลอดภัย
"ที่ผ่านมา 6 เดือนแรก ธุรกิจเราก็ยังดี เป็นที่น่าสนใจ มีการเข้ามาเช่าเพิ่มอีก 8 หมื่นตร.ม.ซึ่งมากกว่าที่เคยทำมาทุกๆปี เท่าที่ดูธุรกิจเรายังเรียกว่าเป็นปกติ ยังไม่มีใครถอน"นายวีรพันธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ต้นทุนก่อสร้างโรงงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ทำให้บริษัทอัตรากำไรขั้นต้นลดลง บริษัทจึงต้องปรับราคาเช่าขึ้นตามแต่ยังไม่สามารถครอบคลุมได้หมด โดยที่ผ่านมาปรับขึ้นมาได้ประมาณ 10% และคิดว่าจะทยอยปรับขึ้นอีกโดยเฉพาะกับลูกค้ารายใหม่
และในไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทจะมีรายได้จากการขายโรงงานให้เช่า 1 แสนตร.ม. และคลังสินค้า 3.5 หมื่นตร.ม. รวมมูลค่า 2.6-2.7 พันล้านบาท ให้กับกองทุน TFUND
กรรมการผู้จัดการ TICON ยังระบุว่า บริษัทมีนโยบายขยายกองทุน TFUND ออกไปไม่มีกำหนด โดยบริษัทมีนโยบายจะนำโรงงานให้เช่ากับคลังสินค้าขายให้กับกองทุน TFUND ทุกปีๆละไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้อย่างมั่นคง โดยปีที่แล้วบริษัทได้ขายโรงงานให้กองทุน TFUND จำนวน 2,130 ล้านบาท
เมื่อสิ้น พ.ค.51 มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน TFUND มีอยู่ 6,245 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีลูกค้าอยู่ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มากที่สุด สัดส่วน 50% รองลงมาเป็นกลุ่มยานยนต์ 20% ที่เหลือกระจายในหลายอุตสาหกรรม
*วางแผนลดความเสี่ยงการเงินหันระดมทุนจากบอนด์-วอร์แรนท์
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนออกหุ้นกู้จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ ซึ่งกำลังรอจังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ยังมีความผันผวน ซึ่งการออกหุ้นกู้ดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามแผนงานต่อเนื่องจากที่บริษัทได้ออกหุ้นกู้ 500 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยที่ 4.6% เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีหนี้ทั้งหมด 4 พันล้านบาท โดยเป็นหนี้ในรูปหุ้นกู้ 2.5 พันล้านบาท โดยมีต้นทุนการเงินหรือดอกเบี้ยจ่ายเฉลี่ย 5.5% ส่วนอีกจำนวน 1 พันล้านบาท เป็นหนี้สถาบันการเงินซึ่งจ่ายดอกเบี้ยในอัตรา MLR อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว บริษัทจึงเห็นว่าควรออกหุ้นกู้แทนการกู้เงินจากสถาบันการเงิน เพราะสามารถลดความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าบริษัทยังมีความสามารถในการกู้เหลืออยู่โดยขณะนี้ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)อยู่ราว 1.1 เท่า
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ออกวอแรนต์ จำนวน 221.7 ล้านหน่วยให้กับผู้ถือหุ้นเดิม โดยมีอายุ 5 ปี อัตราใช้สิทธิ 1 วอแรนต์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาใช้สิทธิ 20 บาท
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า ราคาใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ที่ระบุไว้นั้นสูงกว่าราคาในกระดานมาก และบริษัทเองก็คาดว่าผู้ถือหุ้นจะใช้สิทธิในปีที่ 4 และ 5 ซึ่งก็คาดว่าเมื่อถึงเวลานั่นราคาหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นมากกว่าราคาใช้สิทธิ และมองว่าเป็นแนวทางที่ดีกว่าการเพิ่มทุน เพราะให้เวลาผู้ถือหุ้นตัดสินใจว่าจะซื้อหุ้นของบริษัทหรือไม่
ทั้งนี้ การระดมทุนจากการออกวอแรนต์ คาดว่าจะได้เงินจำนวนกว่า 4 พันล้านบาท ภายใน 5 ปี เพื่อนำขยายธุรกิจต่อไป
อนึ่ง TICON ดำเนินธุรกิจสร้างและให้เช่าโรงงานสำเร็จรูป และ ธุากิจคลังสินต้าโลจิสติกส์ มีศูนย์กระจายสินค้าที่ บางนาและวังน้อย และอีกแห่ง แหลมฉบัง โดยระหว่างนี้กำลังขยายพื้นที่
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--