นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการของอิมแพ็คฯ ประจำปี 2551/2552 (ปีงบประมาณเริ่มเมษายนไปสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีถัดไป) จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ด้วยอัตราการเติบโตราว 10-15% เป็นผลจากการที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เข้ามาใช้สถานที่จัดงานที่อิมแพ็ค อารีน่า ศูนย์แสดงสินค้าอาคาร 1—8 ศูนย์การประชุมอาคาร 9-10 และอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ครอบคลุมพื้นที่จัดงานรวม 140,000 ตารางเมตร
ล่าสุด ทางไลออนส์สากลได้มาจัดงานประชุมไลออนส์สากลระดับนานาชาติครั้งที่ 91 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศต่างๆ กว่า 25,000 คน นอกจากนั้น ยังมีงานระดับสากลที่มีกำหนดจัดที่อิมแพ็คฯ อีก เช่น งาน ITU Telecom Asia 2008 งาน Herbalife Extravaganza 2008 เป็นต้น
อีกทั้งยังสอดรับกับนโยบายของประเทศไทย ในการก้าวขึ้นเป็นฮับหรือศูนย์กลางการจัดงานประชุมในระดับภูมิภาคอีกด้วย
นอกจากนี้ อิมแพ็คฯ กำลังเริ่มขยายธุรกิจใหม่อีกหลายโครงการเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจทุกด้าน ในประเทศที่กำลังพร้อมเต็มที่สำหรับรองรับการขยายตัวของธุรกิจไมซ์ หลังจากที่ นายอภิรักษ์ โกษโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ TCEB ในการโปรโมทกรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครแห่งธุรกิจการจัดประชุม การท่องเที่ยวและการแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ (City of MICE)
นายพอลล์ กล่าวว่า ขณะนี้ อิมแพ็คฯ ได้วางโครงการใหม่ ถึง 3 โครงการ ได้แก่ ศูนย์การศึกษา และไลฟ์สไตล์ (Education and Lifestyle Centre) ซึ่งเป็นโครงการที่จะเปลี่ยนอิมแพ็คฯ ให้เป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถมาได้ทุกโอกาส และตลอดทั้งปี โดยมีโครงการสร้างศูนย์รวมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มารวมไว้บริเวณหน้าศูนย์แสดงสินค้าอาคาร 4 ซึ่งอยู่ถัดจาก Sky Kitchen เปิดให้นักธุรกิจที่สนใจเช่าพื้นที่ดังกล่าวตั้งสถาบันสอนภาษา โรงเรียนสอนดนตรี สอนร้องเพลง และเต้นรำ โรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ ร้านกิ๊ฟท์ ช้อป และภัตตาคารชื่อดัง เป็นต้น
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--