ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวติกกังวลเกี่ยวกับภาคการเงินของสหรัฐและไม่มั่นใจว่าแผนการพยุงกิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ช่วยแก้ปัญหาภาคการเงินในสหรัฐได้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการแสดงความคิดเห็นของเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งปัจจัยลบเหล่านี้ได้ฉุดรั้งดัชนีดาวโจนส์ปิดต่ำกว่าระดับ 11,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2549 แม้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงมากกว่า 6 ดอลลาร์ก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 92.65 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 10,962.54 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.ปี 2549 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 13.39 จุด หรือ 1.09% ปิดที่ 1,214.91 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.84 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 2,215.71 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 7.26 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นจากวานนี้ที่ 5.29 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
คิม ค็อจฮีย์ นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์ท พิทท์ แคปิตอล กรุ๊ป กล่าวว่า "ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันอยู่แล้วจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) มีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและเพิ่มสภาพคล่องให้แก่สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้านและนักลงทุน แต่เมื่อเบอร์นันเก้แถลงต่อสภาคองเกรสว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญความยากลำบาก ยิ่งทำให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาหนักขึ้น"
เฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐ ประกาศแผนพยุงกิจการแฟนนี แม และ เฟรดดี แมค หลังจากทั้ง 2 บริษัทขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองจนเป็นเหตุให้ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก โดยแผนการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะพยุงสถานะทางการเงินของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค อีกทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลกว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องตลาดสินเชื่อไม่ให้ประสบปัญหามากไปกว่าปีที่แล้ว
ค็อจฮีย์กล่าวว่า "การที่ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดิ่งลง 6.44 ดอลลาร์ แตะระดับ 138.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้สั่งแรงซื้อเข้าหนุนตลาด แรงปริมาณแรงซื้อยังไม่มากพอที่จะพยุงตลาดให้ปิดในแดนบวกได้ เนื่องจากความวิตกกังวลเรื่องภาคการเงินในสหรัฐมีน้ำหนักมากกว่าราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง"
หุ้นแฟนนี เม ร่วงลง 27% หุ้นเฟรดดี แมค ดิ่งลง 26% แม้เฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศใช้มาตรการพยุงสถานะทางการเงินของทั้งสองบริษัทก็ตาม
ขณะที่หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ดิ่งลง 5.32% หลังจากนักวิเคราะห์ของวาโชเวียปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น AIG และคาดว่าผลประกอบการของ AIG จะลดลง ส่วนหุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 4.3% และปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสิบปีที่ 14.56 ดอลลาร์ หลังจากมีข่าวว่าซิตี้คอร์ป ควบรวมกิจการกับบริษัททราเวลเลอร์ส กรุ๊ป
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดีดตัวขึ้น 4.9% หลังจากซีอีโอของจีเอ็มประกาศแผนลดจำนวนพนักงานและลดปริมาณการผลิตรถยนต์บางประเภท
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--