โบรกเกอร์ ประเมินกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ในช่วงครึ่งปีหลังธุรกิจผจญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหนักกว่าครึ่งปีแรกที่ขยายตัวราว 6% ทำให้การขยายตัวสินเชื่อก็จะชะลอตัวตาม จากการระมัดระวังการปล่อยกู้มากขึ้นเนื่องจากเกรงจะเกิดปัญหา NPL ขณะที่กำไรในไตรมาส 2/51 ปรับลงจากไตรมาส 1/51 จากไม่มีรายการเงินปันผลและกำไรจากเงินลงทุน แต่เทียบกับไตรมาส 2/50 ดีขึ้นมากกว่า 200-300% เพราะไม่ต้องตั้งสำรองมากเท่าปีก่อน
นายเมฆ เมฆเสรีกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย คาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง กลุ่มธนาคารพาณิชย์คงจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น เพราะภาคธุรกิจ หรือ Real Sector ไม่ค่อยดี แม้ว่าความต้องการเงินของภาคธุรกิจยังมีความต้องการต่อเนื่อง แต่ธนาคารก็ต้องระมัดระวัง เรื่อง NPL จึงมองว่า สินเชื่อในครึ่งปีหลังอาจชะลอตัวจากครึ่งปีแรกที่สินเชื่อขยายตัว เฉลี่ย 5.8-5.9% มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งเป็ผลพวงจากราคาน้ำมันและการเมือง
"แม้ว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะดูแย่กว่าครึ่งปีแรก แต่แบงก์ก็มีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี แบงก์ขนาดใหญ่ก็ยังปล่อยสินเชื่ออยู่ ยอมรับความเสี่ยงเยอะมาก ก็มีความเป็นไปได้ว่าสินเชื่ออาจโตน้อยกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งปกติสินเชื่อจะไม่ค่อยโต แต่ครึ่งปีแรกปีนี้มีความต้องการสินเชื่อสูงเพื่อสต็อกสินค้าก่อนที่ราคาสูงขึ้น ครึ่งปีหลังก็ยังต้องการเช่นกัน และปกติความต้องการสินเชื่อครึ่งปีหลังก็สูงกว่าครึ่งปีแรกอยู่แล้ว ครึ่งปีหลังไม่ใช่ว่าไม่โต แต่ก็มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น"นายเมฆ กล่าว
สำหรับกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 2/51(ธนาคาร 8 แห่ง)มีกำไรโดยรวมเป็นเงินประมาณ 21,800 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาส 1/51 ที่มีกำไร 24,000 ล้านบาท เพราะมีกำไรจากเงินลงทุน และเงินปันผลจากองทุนวายุภักษ์ แต่สูงกว่ากำไรในไตรมาส 2/50 มีเพียง 7,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 200% และจากที่อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น ช่วยให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเทียบกับปีก่อนถือว่าดีมาก เฉลี่ย 5 แบงก์ใหญ่ อยู่ที่ 3.7-3.8%
ด้าน น.ส.ปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/51 ของกลุ่มแบงก์ยังดี ภาพรวมออกมาดีอยู่แล้ว แต่ราคาหุ้นก็ได้สะท้อนไปแล้ว เพราะฉะนั้น ถึงจะประกาศผลประกอบการแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร
"เรามองครึ่งหลังไม่ดี เพราะภาวะเศรษฐกิจน่าจะแย่ ตัวเงินเฟ้อเป็นตัวถ่วง ธุรกิจมีความเสี่ยง รวมทั้งปัจจัยการเมือง ทุกกลุ่มถูกกระทบหมด สินเชื่อเรามองครึ่งหลังโตน้อยกว่าครึ่งแรก แต่เอ็นพีแอลคงค่อยๆ แสดงออกมา แม้ว่าส่วนต่างดอกเบี้ยดี"น.ส.ปองรัตน์ กล่าว
นางสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี มองว่า แนวโน้มครึ่งปีหลัง เชื่อว่าแต่ละธนาคารจะมีการขยายตัวของสินเชื่อชะลอลง และยังระมัดระวังเรื่อง NPL เพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากในช่วงครึ่งปีแรกที่สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัว 6%
"ที่คาดการณ์ไว้ loan growth ในครึ่งปีหลังอาจจะชะลอลง แต่ NPL ก็ยังไม่น่าจะเพิ่ม"นางสุภากร กล่าว
นอกจากนี้ มองกำไรในไตรมาส 2/51 ของกลุ่มแบงก์(9 แห่ง) ลดลง 7.6% จากไตรมาส 1/51 และเติบโตขึ้น 322% เทียบกับไตรมาส 2/50 เนื่องจากไตรมาสที่ 1/51 มีเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์และกำไรจากเงินลงทุน ส่วนไตรมาส 2/51 ไม่มี
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)มองกำไรในกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 2/51 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนถือว่าเติบโตใช้ได้ แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 1/51 จะลดลง เพราะว่าไตรมาสที่แล้วได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ และกำไรจากเงินลงทุน
ส่วนครึ่งปีหลังดูอาการแย่ลง ต้องติดตามดูโครงการภาครัฐจะเข้ามาเร็วหรือไม่ โดยช่วง 5 เดือนแรกสินเชื่อโตได้ 4-5% แต่ครึ่งปีหลังก็รอปล่อยสินเชื่อกับโครงการภาครัฐ ถ้ารัฐบาลยังอยู่ก็น่าจะผลักดันโครงการออกมา ส่วน NPL ขยับขึ้นแต่เพิ่มอย่างไม่มีนัยสำคัญ เพราะลูกค้าบางอุตสาหกรรมยังดีอยู่
บล.เกียรตินาคิน คาดผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 2/51(7 ธนาคาร)คาดกำไรสุทธิรวม 2.2 หมื่นล้านบาท ลดลง 11.4% จากไตรมาสที่แล้ว หลังไม่ได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ และกำไรจากเงินลงทุนลดลง แต่เพิ่มขึ้นถึง 274.1% จากไตรมาส 2/50 จากการตั้งสำรองลดลงมาก คาด KTB ผลประกอบการโดดเด่นสุด
ทั้งนี้ มีมุมมองบวกหุ้นกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ คาดผลประกอบการปี 51 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากจากการตั้งสำรองลดลง แนะนำเน้นลงทุน BBL ให้ราคาเหมาะสม 162 บาท KBANK ให้ราคาเหมาะสม 104 บาท และ BAY ให้ราคาเหมาะสม 29.10 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--