นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีเกือบ 20% ว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่างประเทศที่ยังกังวลกับปัญหาซับไพร์มละปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มจะลุกลาม
แต่อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของตลาดหุ้นไทยไม่ได้ถือว่าลงแรง เพราะมีอัตราลดลงใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ขณะที่ไทยยังมีปัจจัยการเมืองกดดันอยู่ด้วย
"ไม่ได้เป็นการปรับตัวลงแรงจนน่าตกใจ โดยอย่างประเทศฟิลิปปินส์ ปรับลง 33.4% สิงคโปร์ 20% เวียดนาม 50% มาเลเซีย 18% อินโดนีเซีย 19.3% และฮ่องกง 23.9%" นางภัทรียา กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามไปยังโบรกเกอร์ต่างประเทศถึงการเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในช่วงนี้ว่า พบว่า ส่วนใหญ่เทขายเพื่อถือครองเงินสดไว้เนื่องจากไม่มั่นใจสถานการณ์โดยรวม และเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นนักลงทุนต่างชาติเหล่านั้นจะกลับเข้ามาลงทุน
ในส่วนของนักลงทุนรายย่อย นางภัทรียา กล่าวว่า เข้าใจว่านักลงทุนรายย่อยย่อมมีความกังวลจากการที่หุ้นปรับตัวลดลง แต่อยากให้ถือครองหุ้นต่อไปเพื่อรอรับปันผลจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีพื้นฐานดี เพราะบางบริษัทให้ปันผลในอัตราที่สูง 5-6% ขณะเดียวกันได้คุยกับทางบรรดากองทุนต่าง ๆ ก็พบว่ามีการทยอยซื้อและได้ขยายพอร์ตภายใต้ภาวะตลาดที่ปรับตัวลดลง
ทางด้านนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ภายในปลายเดือนนี้ถึงต้นเดือนหน้า ทางสมาคมฯ จะมีการพิจารณาปรับลดเป้าหมายดัชนีตลาดปี 51 ลงต่ำกว่า 900 จุด จากเป้าเดิมที่ 927 จุด เป็นผลจากที่หุ้นปรับลงแรงหลังมีปัจจัยลบเข้ามากระทบทั้งในและนอกประเทศ ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นจึงขายหุ้นออกมา
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--