นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าวถึงผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ว่า ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิก่อนการตรวจสอบ รวม 2,748 ล้านบาท จากที่ขาดทุนสุทธิ 18,147 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว
สำหรับผลดำเนินงานเฉพาะของธนาคาร มีกำไรสุทธิ 2,665 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 18,213 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปี 2550 สาเหตุหลักมาจากมาตรการสำคัญที่ธนาคารได้ดำเนินการในปี 2550 ซึ่ง ได้แก่ การทยอยตัดจ่ายการด้อยค่าของค่าความนิยมที่เกิดขึ้นจากการรวมกิจการจำนวน 12,594 ล้านบาทไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อย ยังตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 ตามแนวทางที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
นายบุญทักษ์ กล่าวถึงผลประกอบการในรายละเอียดต่อไปอีกว่า ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2551 ธนาคารและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ 8,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 หรือ 198 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน โดยเป็นผลจากการที่ต้นทุนทางการเงินของธนาคารมีการปรับลดในอัตราที่สูงกว่าการลดลงของอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้ เกิดรายได้ดอกเบี้ย ซึ่งมีผลทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(Net Interest Margin)ในงวดนี้ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.6 จากร้อยละ 2.3 ในงวดเดียวกันของปี 2550
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 133 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.2 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบริษัทย่อย และกำไรอีกส่วนหนึ่งมาจากการจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย ในขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยก็ลดลง โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของการตั้งประมาณการหนี้สินจากผลขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขายสินทรัพย์ด้อยคุณภาพไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐ ซึ่งได้บันทึกรวมประมาณ 1,381 ล้านบาทในงวดปีก่อน และได้บันทึกประมาณ 288 ล้านบาทในงวดปัจจุบัน
ฐานะการเงินของธนาคารและบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 มีสินทรัพย์รวม 621,578 ล้านบาท ลดลง 583 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.1 จากสิ้นปี 2550 โดยมีเงินให้สินเชื่อ 436,171 ล้านบาท ลดลง 28,724 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.2 จากสิ้นปี 2550 จากกลยุทธ์ของธนาคารในการปรับโครงสร้างเงินให้สินเชื่อ และการชำระคืนของเงินให้สินเชื่อที่ถึงกำหนดชำระ ตลอดจนมีเงินลงทุนสุทธิจำนวน 120,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23,834 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.7 จากสิ้นปี 2550 อันเป็นผลจากนโยบายการบริหารสินทรัพย์ของธนาคารโดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตราสารทางการเงิน เช่น พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นงวด 6 เดือนแรกของปี 2551 รวม 70,500 ล้านบาท ลดลง 6,012 ล้านบาท จากสิ้นปี 2550 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการจำหน่ายสินเชื่อด้อยคุณภาพและความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้า โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวม 575,974 ล้านบาท ซึ่งลดลง 1,667 ล้านบาท หรือ 0.3% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2550
ส่วนของผู้ถือหุ้นของธนาคารและบริษัทย่อย มีจำนวน 45,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,084 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.4 จากสิ้นปี 2550 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากผลกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของปี 2551 รวมจำนวน 2,748 ล้านบาท แต่ถูกหักด้วยการลดลงของส่วนเกินทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1,654 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 เงินกองทุนตามกฏหมาย (ชั้นที่ 1 และ ชั้นที่ 2) ของธนาคาร ร้อยละ 16.51 ของสินทรัพย์เสี่ยงเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ร้อยละ 11.75
ขณะนี้ ธนาคารกำลังเร่งดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้เพื่อพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านธุรกิจเพื่อรายย่อย และในด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง ในขณะเดียวกัน ก็พยายามปรับปรุงแผนการดำเนินงานและการปฏิบัติงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับสภาวะตลาดและเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยความแข็งแกร่งด้านการเงิน การบริหารจัดการที่ดี และแรงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหลักคือกระทรวงการคลังและไอเอ็นจีกรุ๊ปจะทำให้ธนาคารทหารไทยประสบความสำเร็จตามเป้าหมายและเป็นธนาคารชั้นนำในระดับต้นๆของประเทศต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--