KTB คงเป้าสินเชื่อปี 51 โต 6-7% มองครึ่งปีหลังความต้องการลดลง

          ธนาคารกรุงไทย(KTB)คงเป้าหมายอัตราการเติบโตของสินเชื่อในปี 51 ไว้ที่ 6-7% หรือคิดเป็นเม็ดเงิน 6-7 หมื่นล้านบาท แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกสินเชื่อสุทธิของธนาคารเกินกว่าเป้าหมาย แต่คาดว่าครึ่งปีหลังความต้องการสินเชื่อในประเทศจะชะลอลง และปลายปีอาจมีการชำระคืนเงินกู้บางส่วน โดยเฉพาะเงินกู้ระยะสั้นที่มีอยู่ราว 50% 
          นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ KTB กล่าวว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 51 ธนาคารมีสินเชื่อสุทธิเพิ่มขึ้น 8 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ปลายปีนี้อาจมีเงินกู้คืนมาบางส่วน และความต้องการสินเชื่อครึ่งปีหลังจะทรงตัวหรือลดลง ทำให้ธนาคารตัดสินใจคงเป้าหมายไว้ในระดับเดิม
          สำหรับสินเชื่อสุทธิในครึ่งปีแรก เป็นสินเชื่อระยะสั้น 50% ส่วนอีก 50% เป็นสินเชื่อระยะยาว 
          นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ธนาคารจะพิจารณาปรับดอกเบี้ยหรือไม่นั้น คงจะพิจารณาจากสภาพคล่องทั้งของธนาคารเองและระบบธนาคารโดยรวม โดยขณะนี้ในส่วนของ KTB เองมีสภาพคล่องเหลือจำนวนมาก 5-6 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินภาครัฐ จึงไม่มีปัญหาสภาพคล่องหดหาย
          อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาสภาพคล่องโดยรวมขณะนี้ ในระยะยาวอาจจะลดลงหรือหายไปบ้างจากผลกระทบการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ ทั้งจากการเทขายหุ้นหรือในตลาดตราสารหนี้ จึงทำให้ต้องจับตามอง ในส่วนของธนาคารเองก็ได้มองถึงเรื่องดังกล่าวอย่างระมัดระวัง และเห็นว่าผลกระทบจากเงินทุนไหลออกที่เห็นได้ในขณะนี้ถือเป็นตัวกดดันทำให้บาทอ่อนค่า
          นายอภิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนแนวโน้มหนี้เสียในระยะนี้ สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ของ KTB ในไตรมาส 2/51 ยังลดลงจากไตรมาส 1/51 เนื่องจากสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้หลายราย แต่ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นลูกค้ารายเล็กและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ามาเจรจาขอเลื่อนการชำระหนี้ไปบ้าง ซึ่งธนาคารก็จะดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ 
          ส่วนการที่ธนาคารออกผลิตภัณฑ์เงินฝากอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 6% ในงาน"มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่...ถูกแน่ เพื่อคนไทย" ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากนั้น นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า เป็นการกระตุ้นให้ผู้ฝากมั่นใจในสถาบันการเงินและมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยขณะนี้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่ 90% และมีปริมาณเงินฝากกว่า 1 ล้านล้านบาท