MFEC คงเป้ารายได้โต20-25%ต่อเนื่องไปอีก 3 ปี,ตั้งเป้าดันBacklog1พันลบ.

          นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) เปิดเผยถึงผลประกอบการในปีนี้ว่ายังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่เดิม โดยคิดเป็นอัตราการขยายตัว 20-25% หรืออยู่ที่ระดับประมาณ 2,600-2,700 ล้านบาท แม้ว่าในอนาคตสถานการณ์ทางการเมืองจะแปรเปลี่ยนไปในรูปแบบใดก็ตาม  
          ทั้งนี้เชื่อว่า MFEC จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากมีความพร้อมในการทำงานสามารถแข่งขันได้ดีในอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันในส่วนของการรับงาน หรือคำสั่งซื้อของลูกค้าไอทีในปัจจุบัน ยังคงมีงานไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีการระงับหรือยกเลิกจากลูกค้าแต่อย่างใด 
          ธุรกิจไอทีมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ประกอบกับคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศเข้ามาแข่งขันและแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดกันมากขึ้น รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยมากนัก ทำให้ MFEC มีการวางแผนและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรองรับกับภาวะการณ์ดังกล่าวอยู่เสมอ ทั้งในส่วนของโครงสร้างองค์กรและการค้นหารูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งทางด้านการตลาด โดยมุ่งเน้นการโฟกัสเชิงลึกใน 2 อุตสาหกรรมคือกลุ่มสถาบันการเงินและสื่อสารโทรคมนาคม 
          "เรามองว่าปีนี้เราจะเติบโตประมาณ 20-25% และยาวต่อเนื่องไปอีก 3 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย โดยอุตสาหกรรมที่โฟกัสคือแบงก์ กับ เทเลคอม แล้วเราก็หาจุดที่จะขยายตลาดตรงนี้ได้แล้ว ก็ได้มีการโฟกัสลงทุนพัฒนาองค์ความรู้ ผมว่าถ้าเราลงทุนในจุดที่ถูกต้องก็จะสามารถโตต่อไปได้ในเชิงผลประกอบการที่ดี เช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา สำหรับงานที่อยู่ในมือ (Backlog) ปัจจุบันมีประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งเราตั้งเป้าจะเพิ่มให้มากถึง 1,000 ล้านบาท หรือให้มากกว่านี้ในปีนี้"
          เขากล่าวต่อว่า วิธีการที่จะขยายตัวต่อไปของ MFEC คือ เติบโตในเทคโนโลยีที่โฟกัส เนื่องจากมองว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งจำเป็นขึ้นเรื่อยๆ เป็นการใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนสำหรับองค์กรต่างๆ ซึ่งกลุ่มที่บริษัทให้ความสนใจคือกลุ่มแบงก์และเทเลคอม เนื่องจากเป็นองค์กรขนาดใหญ่แต่ละแห่งมีงบลงทุนมากกว่า 2,000 ล้านบาท และบริษัทขนาดกลางก็ประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท ขนาดเล็ก 500-600 ล้านบาท ซึ่งหากนับรวมๆ กันแล้วก็มีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ส่วนเรื่องคู่แข่ง MFEC ไม่กังวลในประเด็นดังกล่าวมากนัก โดยบริษัทของไทยที่มีขนาดใกล้เคียงกันมีประมาณ 5 บริษัท นอกนั้นก็จะเป็นบริษัทจากต่างชาติ ซึ่งมั่นใจว่าของ MFEC น่าจะเป็นบริษัทชั้นนำและอยู่ในลำดับต้นๆ ซึ่งความได้เปรียบคือการรู้ตลาด และรู้จักดีกว่าคู่แข่งโดยเฉพาะบริษัทต่างประเทศ