นายสันติ ชาญกลราวี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ทาทา สตีล (ประเทศไทย) หรือ TSTH คาดว่า รายได้ในงวดปี 51/52 (เม.ย.51-มี.ค.52)จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.5 หมื่นล้านบาท จากปริมาณขาย 1.5 ล้านตัน เมื่อเปรียบเทียบจาก 31,139 ล้านบาท ในงวดปี 50/51 ปี (เมษายน 2550 - มีนาคม 2551) จากปริมาณขาย 1,433,000 ตัน
เนื่องจากในงวดปีนี้บริษัทมีการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงการได้รับผลดีจากภาวะขาขึ้นของราคาเหล็กในตลาดโลก ภายใต้กำลังการผลิตปัจจุบันของบริษัทที่ 1.2 ล้านตัน ทำให้บริษัทต้องเร่งขยายโรงงานเพิ่มไม่ว่าจะเป็นการขยายโรงงานเอง หรือการเทคโอเวอร์บริษัทเหล็กใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวและการเพิ่มยอดขาย อีกทั้งยังเป็นการเพิ่ม raw material ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แผนการเทคโอเวอร์ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการเจรจา แต่คงจะเป็นแผนในระยะยาว เนื่องจากภายใต้สถานการณ์ราคาเหล็กขณะนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นคงยังไม่มีใครอยากจะขายกิจการ และเรื่องดังกล่าวยังไม่ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนเมื่อเทียบกับการตั้งโรงถลุงเหล็กที่บริษัทได้วางแผนงานไว้ ถึงแม้จะล่าช้าไปจากกำหนดไปเป็นไตรมาส 2/52 ก็ตาม ซึ่งขณะนี้ได้มีการสั่งเครื่องจักรแล้ว คาดว่า หากโรงงานดังกล่าวแล้วเสร็จจะทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1.7-1.8 ล้านตันในปี 53
บริษัทคาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 3.8 พันล้านบาท มาจากการกู้จากธนาคารกรุงเทพ (BBL)และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยลดความผันผวนของราคาเหล็กได้จากปัจจุบันที่ราคาเศษเหล็กผันผวนมากเมื่อเทียบกับแร่เหล็ก
"ภายใต้ที่ราคาเหล็กปรับตัวสูงและจากการที่เรามีการปรับปรุงกำลังการผลิตต่อเนื่อง ทำให้เป้าหมายที่บริษัทแม่วา่งไว้ที่ให้เรามีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 30% ในปี 2555 คงไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งเรามองว่าในปีนี้น่าจะทำได้ 20%แล้ว" นายสันติ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างสมดุลจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และเชื่อว่าจะยอกขายในต่างประเทศจะเติบโตได้ดี เพราะปัจจุบันสหรัฐฯ และประเทศตะวันออกกลางมีความต้องการใช้เหล็กจำนวนมาก
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--