ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 29.23 จุด หลังราคาน้ำมันดิบพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 22, 2008 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ช้อนซื้อหุ้นไว้เป็นจำนวนมากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นกว่า 2 ดอลลาร์ 
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 29.23 จุด หรือ 0.25% แตะระดับ 11,467.34 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.68 จุด หรือ 0.05% แตะระดับ 1,260.00 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 3.25 จุด หรือ 0.14% แตะระดับ 2,279.53 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.20 พันล้านหุ้น มีจำนวนห้นบวกมากกว่าหุ้นลบราว 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.89 พันล้านหุ้น
จิม เฮอร์ริค นักวิเคราะห์จากบริษัทแบรด แอนด์ โค กล่าวว่า "ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่พุ่งขึ้น 2.16 ดอลลาร์ แตะที่ระดับ 131.04 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลที่ว่าความขัดแย้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจส่งผลให้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น"
"ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นส่งผลบดบังผลประกอบการที่ดีเกินคาดของแบงค์ ออฟ อเมริกา โดยนักวิเคราะห์มองว่าผลประกอบการของธนาคารแห่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าวิกฤตการณ์สินเชื่อเริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว" เฮอร์ริคกล่าว
แบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐในแง่ของมูลค่าสินทรัพย์ รายงานว่าผลกำไรไตรมาส 2 ร่วงลง 41% เนื่องจากคุณภาพสินเชื่อที่ยังคงอ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม กำไรของธนาคารปรับตัวลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
แบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐนอร์ท แคโรไลน่า มีกำไรสุทธิในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. อยู่ที่ 3.41 พันล้านดอลลาร์ หรือ 72 เซนต์ต่อหุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 5.76 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.28 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำไรในไตรมาสสองของธนาคารจะอยู่ที่ 54 เซนต์ต่อหุ้น
หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรสร่วงลง 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 ร่วงลง 38% เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่หุ้นยาฮูดิ่งลง 3.5%
หุ้นเมิร์คและเชอริ่ง-เพลาร่วงลงต่อ หลังการรายงานผลประกอบการและยาลดคอเรสเตอรอลของทั้งสองบริษัทประสบความล้มเหลวในการทดลองทางการแพทย์
ส่วนหุ้นกลุ่มธนารทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า ระบบการธนาคารของสหรัฐยังมีสถานะที่แข็งแกร่ง และเชื่อว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติแผนพยุงกิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ