นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์(QH)คาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลังยอดขายบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวจากปัจจัยเงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ยอมรับว่าขณะนี้จำนวนผู้เข้ามาเยี่ยมชมบ้านในแต่ละโครงการปรับตัวลดลงจากเดิม แต่ผู้ที่เข้ามาชมก็เป็นกลุ่มที่ต้องการซื้อบ้านจริง
ดังนั้น บริษัทจึงยังเชื่อว่าจะมียอดรับรู้รายได้ในปี 51 ไม่ต่ำกว่า 10,500 ล้านบาทตามที่เคยประมาณการณ์ไว้ โดย 90% เป็นรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว และที่เหลือเป็นรายได้จากการขายทาวน์เฮาส์และค่าเช่าอาคารสำนักงาน
"ตอนนี้ยังไม่เห็น sign การชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคิวเฮาส์ที่เป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขายยิ่งไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ทั้งยังได้ประโยชน์จากต้นทุนวัสดุก่อสร้างเดิมที่สร้างไว้ก่อนที่ราคาวัสดุขึ้นด้วย แต่เริ่มเห็นว่าคนมาดูโครงการลดจำนวนลงกว่าแต่ก่อนบ้าง เพราะช่วงเศรษฐกิจดีคนมาดูมาบ้านจำนวนมากเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวคนเริ่มระวังจึงไม่มีขาจรมีแต่คนที่ตั้งใจซื้อบ้านจริงๆเท่านั้นที่มาดูบ้านของเรา"นายรัตน์ กล่าวกับ “อินโฟเควสท์"
นายรัตน์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังคาดว่าจะมีกำไรขั้นต้นสูงกว่า 30% แม้ว่าต้นทุนของวัสดุก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่บ้านของ QH เป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขายเกือบ 100% นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับราคาขายบ้านตามอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่เป็นการปรับในระดับที่ไม่สูงเกินไป
สำหรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้ เชื่อว่าจะไม่รุนแรงเหมือนในอดีต เพราะคนไทยมีประสบการณ์มาแล้ว แต่ปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องการเมืองที่ทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น ซึ่งขณะนี้ก็ยังน่าเป็นห่วงว่าการแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนจะและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น รัฐบาลควรแก้ปัญหาอย่างประนีประนอมไม่ควรใช้ความรุนแรงทั้งคำพูดและการกระทำืัที่เกิดความขัดแย้งกัน
ขณะที่บริษัทก็ยังไม่ได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มเติมจากกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือ ยังไม่มีสถานการณ์ที่ผู้ขายที่ดินปรับราคาขายต่ำลงแต่อย่างใด
นายรัตน์ กล่าวถึงราคาหุ้น QH ที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ว่า ในฐานะผู้บริหารเห็นว่าต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน ถือว่าเป็นโอกาสดีในการเข้าลงทุนในฐานะผู้บริหารหากมีจังหวะที่ดีจะเข้าลงทุนเช่นเดียวกัน
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--