HEMRAJ เตรียมปรับเพิ่มเป้าขายที่ดินปีนี้จาก 1.5 พันไร่ใน ส.ค.นี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 22, 2008 13:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน(HEMRAJ) ระบุว่าบริษัทเตรียมจะพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในปี 51 จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.5 พันไร่ในเดือน ส.ค.นี้ เนื่องจากต้นปีจนถึง ก.ค.นี้บริษัทมียอดขายที่ดินแล้วถึง 1.2 พันไร่ และยังอยู่ระหว่างการเจรจาขายที่ดินให้กับลูกค้าอีกหลายราย 
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้ารายได้รวมในปีนี้ว่าจะเติบโตไว้ที่ 10-15% เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทำรายได้ให้กับบริษัทอีกส่วนหนึ่งมีภาวะชะลอตัวในขณะนี้ นอกจากนั้น บริษัทยังคงแผนออกหุ้นกู้ที่เตรียมไว้ในเดือนส.ค.ราว 2-3 พันล้านบาท หากภาวะตลาดเอื้ออำนวย
นายเดวิด ริชาร์ด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ HEMRAJ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังมีความต้องการขยายฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง HEMRAJ ก็กำลังเจรจาเสนอขายที่ดินให้กับกลุ่มทาทา มอเตอร์ โดยอยู่ระหว่างการสรุปรายละเอียดขั้นสุดท้าย ส่วนปัญหาการเมืองภายในประเทศไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรม เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ยังให้ความเชื่อมั่นต่อพื้นฐานเศรษฐกิจของไทย และต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก
นอกจากนั้น แม้ว่าตัวเลขมูลค่าการลงทุนของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกจะปรับตัวลดลง แต่จำนวนโครงการที่ได้รับสิทธิประโยชน์อยู่ในระดับสูง แสดงให้เห็นแนวโน้มว่าจะเกิดการลงทุนในอนาคตแน่นอน และวัฎจักรของนิคมอุตสาหกรรมยังอยู่ในช่วงขาขึ้น เพราะมีการเติบโตต่อเนื่องมาถึง 3 ปีของวัฎจักรแต่ละรอบที่อยู่ในช่วง 6 ปี
ส่วนด้านธุรกิจ Utility นั้น บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 54 ธุรกิจดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มเป็น 2 เท่าจากปัจจุบัน และในปี 55 บริษัทก็จะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้า IPP ที่ลงทุนร่วมกับ บมจ.โกลว์พลังงาน(GLOW) มูลค่าการลงทุนในส่วนของ HEMRAJ ทั้งหมดอยู่ที่ 4 พันล้านบาท ซึ่งปีนี้จะลงทุน 2 พันล้านบาทมาจากกระแสเงินสด
นายเดวิด กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 4/51 บริษัทจะปรับขึ้นราคาขายคอนโดมิเนียม"เดอะพาร์ค ชิดลม"ในส่วนที่เหลืออยู่ 5% ของยูนิตทั้งหมด ซึ่งจะเปิดขายรอบใหม่ในช่วงเดือน ต.ค.51
สำหรับแผนออกหุ้นกู้ 2-3 พันล้านบาทนั้น ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนงาน แม้ว่าบริษัทจะยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนมากนัก แต่บริษัทก็สามารถเก็บเงินไว้เพื่อรอลงทุนในปีหน้า อย่างไรก็ตาม บริษัทก็จะพิจารณาว่าภาวะตลาดเอื้ออำนวยต่อการออกหุ้นกู้ดังกล่าวหรือไม่อย่างไร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ