ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์ ซึ่งช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการเงินของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 135.16 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 11,602.50 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 17.00 จุด หรือ 1.35% แตะระดับ 1,277.00 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 24.43 จุด หรือ 1.07% แตะระดับ 2,303.96 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.57 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.60 พันล้านหุ้น
ในช่วงเช้านั้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยและวิกฤตการณ์ด้านสินเชื่อที่ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินสหรัฐ หลังจากธนาคารโชเวีย ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยตัวเลขขาดทุน 8.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสสอง เพราะได้รับผลกระทบจากตัวเลขหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากยอดการผิดนัดชำระเงินกู้ที่สูงขึ้น
แต่เมื่อราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์ หลังจากมีรายงานว่าพายุโซนร้อน"ดอลลี"จะไม่สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ผลิตน้ำมันและแก๊สในอ่าวเม็กซิโก นักลงทุนก็เริ่มชะลอคำสั่งขายและเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวกและปิดพุ่งขึ้นกว่า 130 จุด
ท้อด ลีออง นักวิเคราะห์จากบริษัทโคเวน แอนด์ โค กล่าวว่า "นักลงทุนมองว่าราคาพลังงานที่ปรับตัวลงจะช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจโดยรวมให้ฟื้นตัวขึ้น และจะช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทเอกชนให้ดีดตัวขึ้นด้วย ในระยะนี้นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูทิศทางราคาน้ำมันเป็นหลัก"
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงถูกปกคลุมด้วยความกังวลเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนสภาพคล่องในภาคการเงินของสหรัฐ หลังจากอเมริกัน เอ็กซ์เพรส บริษัทบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากกำลังซื้อ ประกาศปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2551 หลังจากที่ผลกำไรไตรมาส 2 ร่วงลงกว่า 37% เนื่องจากมีลูกค้าจำนวนมากที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้
นอกจากนี้ สำนักงานกำกับวิสาหกิจที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลางสหรัฐ (OFHEO) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมกฎระเบียบของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค เปิดเผยว่า แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค หน่วยงานซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน อาจต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีในวงเงินที่สูงเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัททั้ง 2 แห่งขาดทุนในตลาดซับไพรม์
ทั้งนี้ หุ้นอเมริกัน เอ็กเพรส ร่วงลง 7.1% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ขณะที่หุ้นแอปเปิลร่วงลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า ผลประกอบการรายไตรมาสมีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมายของนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท
ส่วนหุ้นโคคา-โคลา ปิดพุ่ง 3.5% หุ้นวอล-มาร์ท ปิดบวก 3.1% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริค ปิดพุ่งขึ้น 2.9% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทมูบาดาลา ดีเวลล็อปเมนต์ โค ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการลงทุนของอาบูดาบีเข้าร่วมทุนกับโคคา-โคลา เป็นวงเงินมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--