ผู้บริหารค่ายไทยพาณิชย์ ชี้กองทุนอสังหาฯ เป็นทางเลือกในช่วงเศรษฐกิจขาลง เหตุยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ขณะที่ยังอยู่ระหว่างศึกษาการออกกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงแรมและศูนย์กระจายสินค้า มองการแข่งขันต่อไปมากขึ้น จากตัวเลขที่รอการอนุมัติจากก.ล.ต. แต่ต้องดูในเรื่องผลตอบแทนมากกว่า
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่สายผลิตภัณฑ์เงินฝากและการลงทุน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์น่าจะเป็นโอกาสที่ดีต่อนักลงทุน ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง เนื่องจากยังให้ผลตอบแทนที่ดีและมีอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลและเงินฝากธนาคาร
เชื่อว่าจากนี้ไปจะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เพราะจากตัวเลขการขอเสนอขายกองทุนฯ กับการขยายกองทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีมากถึง 21 กองที่อยู่ระหว่างรออนุมัติ หรือประมาณ 6 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ กองทุนรวมอสังหาฯ ยังเป็นตัวเลือกที่ดี ภายใต้สถานการณ์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจของไทยที่อาจจะชะลอตาม ถึงแม้ตลาดอสังหาฯ ในช่วงนี้ยังไม่เป็นที่สนใจของต่างชาติก็ตาม และการลงทุนที่ดีควรที่จะมีการกระจายการลงทุน
ด้านน.ส.อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ CB Richard Ellis กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาฯในไทยยังดีอยู่เมื่อเทียบกับต่างประเทศ แม้จะมีปัจจัยที่บั่นทอนการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ เนื่องจากขณะนี้อัตราค่าเช่่าในไทยยังถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน สิงคโปร์ เวียดนาม
"ทางการควรเข้ามาให้ความสนใจในการดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเช่าออฟฟิศในไทย เนื่องจากอัตราค่าเช้ายังถูก" น.ส.อลิวัสสา กล่าว
ขณะที่น.ส.โชติมา โชติบัณฑิต ผู้อำนวยการอาวุโส บลจ. ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษากองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงแรมและศูนย์กระจายสินค้า
แม้ว่าจะมองว่า อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะเป็นปัจจัยที่ทำให้การออกกองทุนอสังหาฯ อาจจะมีความล่าช้าออกไปเพราะประชาชนอาจนำเงินไปฝากมากกว่า แต่ผลตอบแทนของกองทุนอสังหาฯ ในะระยะยาวจะดีกว่า
"เชื่อว่าหลังจากนี้จะเห็นการแข่งขันของกองทุนอสังหาฯ มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญคงอยู่ที่ในเืรื่องของผลตอบแทน" น.ส.โชติมา กล่าว
ด้านนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยตอนนี้ไม่น่าเป็นห่วง แต่การที่จะเห็นอัตราการเติบโตที่สูงคงจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐ และราคาน้ำมัน อีกทั้งยังมาได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ส่งสัญญาณให้เห็นถึงต้นทุนของบริษัทที่เพิ่มขึ้น และจากนี้ไปมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจคงออกมาไม่ดีตามที่ทางการคาดการณ์ไว้ โดยเชื่อว่าอัตราการขยายตัวในไตรมาส 3-4 จะอยู่ที่ 3-4%
สำหรับเงินเฟ้อ คาดว่าในเดือนส.ค-ก.ย.นี้มีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 10% จากราคาน้ำมันและฐานที่ต่ำ เพราะฉะนั้นภายใต้ปัญหาต่างๆ การลงทุนในทอง น้ำมัน และอสังหาฯ จะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุน โดยที่ผ่านมาบลจ.ได้ออกกองทุนทองคำ 3 กองทุนและจะออกกองทุนที่อ้างอิงน้ำมันในครึ่งปีหลัง รวมถึง Structured Note ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรออนุมัติจากก.ล.ต.
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--