ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันนี้ (25 ก.ค.) หลังสหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองลดลงเกินคาดในขณะที่อัตราผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐก็ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับวิกฤตสินเชื่ออีกระลอก
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลงกว่า 2.6% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี และลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ถึง 1% ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเร่งเทขายหุ้นในตลาดวอลล์สตรีทเมื่อคืนที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐก็เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็เพิ่มขึ้นถึง 34,000 ราย แตะ 406,000 รายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่หลังเกิดเหตุการณ์พายุเฮอริเคนถล่มสหรัฐเมื่อปี พ.ศ.2548
"วิกฤตซับไพร์มในสหรัฐยังไม่จบลงง่ายๆ" แจ็คสัน หว่อง ผู้จัดการด้านการลงทุนจาก Tanrich Securities กล่าว "ยอดขายบ้านที่ลดลงเผยให้เห็นว่าปัญหายังคงมีอยู่แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐจะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาปัญหาแล้วก็ตาม"
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วง 347.01 จุด หรือ 1.5% ปิดที่ 22,740.71 จุด
หุ้นเฉินหัว เอเนอร์จี ซึ่งร่วงกว่า 6.7% เป็นแกนนำในการปรับลดลงของตลาด ในขณะที่หุ้นของบริษัทคู่แข่งอย่างไชน่า โคล เอเนอร์จี ลดลง 3.5%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--