ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ร่วงลงกว่า 2 ดอลลาร์ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
สำนักขาวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 21.41 จุด หรือ 0.19% แตะระดับ 11,370.69 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 5.22 จุด หรือ 0.42% แตะที่ 1,257.76 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 30.42 จุด หรือ 1.33% แตะที่ 2,310.53 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 4.55 พันล้านหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับวันพฤหัสบดีที่ 5.98 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนมิ.ย.ปรับตัวขึ้น 0.8% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย เนื่องจากยอดสั่งซื้อรถยนต์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบเกือบ 1 ปี ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่นับรวมสินค้าด้านการขนส่ง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.0% โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอาจลดลง 0.3% ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ทรงตัวในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนมิ.ย.ลดลง 0.6% แตะที่ระดับ 530,000 ยูนิต แต่ยังลดลงไม่มากเท่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะร่วงลง 1.3%
ลินดา ดรูสเซล นักวิเคราะห์จากบริษัทเฟดเดอเรท อินเวสเตอร์สกล่าวว่า "นอกเหนือจากยอดขายบ้านใหม่และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ออกมาดีเกินคาดแล้ว นักลงทุนยังขานรับรายงานของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นของสหรัฐประจำเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 61.2 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 56.4 จุด"
"ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ดีเกินคาดสะท้อนให้เห็นว่า สินค้าสหรัฐยังคงเป็นที่ต้องการในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสหรัฐสามารถทำกำไรได้ในยามที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ร่วงลง 2.23 ดอลลาร์ แตะที่ 123.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ" ดรูสเซลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ฮิวจ์ จอห์นสัน นักวิเคราะห์จากจอห์นสัน อิลลิงตัน แอดไวเซอร์กล่าวว่า "ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงผันผวนเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินสหรัฐ ตลาดยังคงอยู่ในภาวะเปราะบางและขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเรายากที่จะคาดคะเนได้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจครั้งต่อไปจะออกมาดีหรือแย่ แต่จากการประเมินในขณะนี้ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างมาก"
หุ้นกลุ่มการเงินถูกแรงขายทุบร่วงลง โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.5% หุ้นวาโชเวียดิ่งลง 7.6% หุ้นแฟนนี เม ร่วงลง 3.9% และหุ้นเฟรดดี แมค ดิ่งลง 6.1%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--