บมจ.พีเออี(ประเทศไทย)หรือ PAE คาดจะสรุปราคาและเริ่มรับรู้รายได้จากงานแรกในตะวันออกกลางภายในเดือน ส.ค.นี้ ขณะเดียวกันบริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรเปิดสำนักงานในอาบูดาบีเพื่อเน้นรับงานโดยตรง ซึ่งรายได้จากตะวันออกกลางที่เข้ามาจะทำให้ครึ่งปีหลังผลงานดีขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยในปี 51 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวม 700-800 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีรายได้ 373 ล้านบาท ผู้บริหารเชื่อราคาหุ้นพุ่งแรงถึงกว่า 30% วันนี้ จากพื้นฐานบริษัทดี มีพาร์ทเนอร์แข็งแกร่ง
นายศุขสนั่น โชติกเสถียร กรรมการผู้จัดการ PAE เปิดเผยว่า ตอนนี้บริษัทได้ไปเปิดบริษัท หรือ สำนักงานตัวแทนที่เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Global Process Systems INC.(GPS)ที่จะคอยให้การสนับสนุนเพื่อที่จะเริ่มรับงานในตะวันออกกลางด้วย
ทั้งนี้ งานชิ้นแรกในตะวันออกกลางจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในเดือนส.ค.นี้ โดยเป็นงานก่อสร้างอาคาร มูลค่าค่อนข้างสูงตามขนาดโครงการที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินราคาได้ คาดว่าเดือนหน้า(ส.ค.)จะเปิดเผยมูลค่าได้
"งานที่เราจะเข้าประมูลมีอยู่หลายโครงการ หลายด้าน ทุกหน่วยงานที่เราทำอยู่ตอนนี้เริ่มขับเคลื่อนแล้ว โดยงานแรกที่จะเริ่มรับรู้รายได้ต้องอีกประมาณ 1-2 เดือน ชิ้นแรกจะเป็นคอนสตรัคชั่นทั่วๆ ไป และด้านไฟฟ้า ทุกๆด้านที่จะเริ่มปฏิบัติโดยเน้นทางด้านพลังงานและงานก่อสร้างทั่วไปในตลาด โดยเฉพาะงานในตะวันออกกลาง" นายศุขสนั่น กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรก บริษัทได้ทำการปรับปรุงการทำงานและในช่วงนี้มีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการโครงการแล้ว ซึ่งจะได้เข้าไปเสนอราคาประมูลงานเพิ่มเติมอีกในอนาคต และคาดว่าจะเริ่มทำงานในช่วงครึ่งปีหลังมากกว่า
"ไตรมาส 2/51 จะเป็นกำไรหรือไม่ เราคงพยายามทำตามเป้าของเรา"นายศุขสนั่น กล่าว
นายศุขสนั่น กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมที่ 700-800 ล้านบาท ซึ่งต้นทุนด้านพลังงานที่ปรับลงมาบ้างในช่วงนี้ไม่ได้มีผลต่อการประมูลงานหรือการดำเนินงานของบริษัท เพราะถึงแม้จะปรับลงมา แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว
อนึ่ง ไตรมาส 1/51 ขาดทุนสุทธิ 30.26 ล้านบาท ส่วนในปีก่อน บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 35.28 ล้านบาท และมีรายได้รวม 373 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นแรงวันนี้น่าจะเป็นการเก็งกำไรของนักลงทุนทั่วไป เนื่องจากบริษัทมีพื้นฐานดีอยู่แล้ว เพราะอยู่ใน sector ด้านพลังงานมีพาร์ทเนอร์ที่ดีมาก และมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรมก่อสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีชื่อเสียงจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ คือ Global Process Systems INC. (GPS) เข้ามาร่วมลงทุน ซึ่ง Fundamental ของเราดีอยู่แล้ว
"ราคาหุ้นขึ้นแรง ผมไม่ทราบสาเหตุ ที่จริงเรามีพื้นฐานดีอยู่แล้ว อยู่ใน sector ทางด้านพลังงาน มีพาร์ทเนอร์ที่ดีมาก และ share holder จากตะวันออกกลางอยู่ด้วย" นายศุขสนั่น กล่าว
การเทรดในวันนี้เท่าที่ทรายยังไม่มีนักลงทุนรายใหม่หรือกลุ่มผู้ถือหุ้นรายอื่นเข้ามาเจรจาซื้อเพิ่มเป็นล็อตใหญ่แต่อย่างใด
"ตอนนี้ไม่น่าจะมีทางด้านนี้ และกลุ่ม GPS ที่ถืออยู่ถ้ารวมกับที่จะแปลงวอร์แรนท์ก็ถือ 49% แล้วก็เต็มอัตราตามระเบียบการถือหุ้นของต่างชาติ จึงมองว่าน่าจะเป็นการเก็งกำไรของนักลงทุน" กรรมการผู้จัดการ PAE กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 15.28 น.ราคาหุ้นอยู่ที่ 1.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท (+25.00%) มูลค่าการซื้อขาย 38.7 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.89 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุด 1.21 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--