ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคการเงินสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนแห่เข้าลงทุนในตราสารหนี้ของรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าวิกฤตการณ์สินเชื่อและปัญหาตลาดที่อยู่อาศัยตกต่ำจะยังคงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคการเงิน และคาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะทรุดตัวลงอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 239.61 จุด หรือ 2.11% แตะระดับ 11,131.08 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 23.39 จุด หรือ 1.86% แตะระดับ 1,234.37 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 46.31 จุด หรือ 2.00% แตะระดับ 2,264.22 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.17 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.96 พันล้านหุ้น
เฟรเดริก ดิคสัน นักวิเคราะห์จากบริษัทดีเอ เดวิดสัน แอนด์ โค กล่าวว่า "นักลงทุนยังคงจับตาดูเสถียรภาพในระยะยาวของภาคการเงินสหรัฐ ซึ่งรวมถึงสถานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ บริษัทปล่อยกู้จำนอง และวาณิชธนกิจ หลังจากมีข่าวว่าหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐเข้ายึดธนาคารอีก 2 แห่งของสหรัฐที่ล้มละลายในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ เนชั่นแนล แบงค์ ออฟ เนวาดา และเฟิร์สท์ เฮริเทจ แบงค์ เอ็นเอ ซึ่งข่าวดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการเทขายหุ้นกลุ่มการเงินอย่างหนัก และถ่วงดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงมากกว่า 2%"
"นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 1.47 ดอลลาร์ แตะที่ 124.73 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นอีกปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการซื้อขายให้ซบเซาลง และตอกย้ำความกังวลเรื่องเฟ้อของนักลงทุน" ดิคสันกล่าว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐ อาทิ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสสองซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยในวันพฤหัสบดี โดยนักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียล/ไอเอฟอาร์ คาดว่า GDP ไตรมาสสองของสหรัฐจะขยายตัว 2.4% เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการจ่ายคืนเช็คเงินภาษี
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 และอัตราว่างงานจะพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ สำนักงานจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในวันศุกร์เช่นกัน
หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 4.9% หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 7.5% ส่วนหุ้นแฟนนี เม และ เฟนน แมค ดิ่งลง 8.1% และ 4.7% ตามลำดับ หุ้นเลห์แมน บราเธอร์สซึ่งเป็นวาณิชธนกิจใหญ่สุดอันดับ 4 ของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 5% หลังนักวิเคราะห์ของเมอร์ริลระบุว่า เลห์แมนอาจมียอดขาดทุนในไตรมาส 3 และต้องปรับลด มูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีรอบใหม่ในพอร์ตลงทุนด้านการจำนองที่อยู่อาศัย
หุ้นเวริซอน คอมมูนิเคชันส์ ดิ่งลง 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเพียง 12% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ ขณะที่หุ้นคราฟท์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตขนมโอเรโอและกาแฟแม็กซ์เวลล์ ดีดขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาสสองพุ่งขึ้นเกือบ 4%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--