นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลีฟวิ่งแลนด์ (LL) กล่าวว่า บริษัทไม่กังวลภาวะความซบเซาของตลาดรวมจะมีผลกระทบกับราคาหุ้นของบริษัทที่จะกลับเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 1 ส.ค.นี้ แต่ห่วงกรณีสภาพคล่องของหุ้นที่ขณะนี้อยู่ในมือของผู้บริหาร รวมทั้งกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และพันธมิตร รวมกว่า 60% น่าจะมีผลมากกว่า
ขณะนี้บริษัทมีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยมีโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบภายใต้การบริหา่รรวม 18 โครงการแบ่งเป็นโครงการเ้ก่า 10 โครงการและโครงการใหม่ 8 โครงการที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่าโครงการราว 2.7 พันล้านบาท
นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาส 2 บริษัทเชื่อว่าจะสามารถล้างขา่ดทุนสะสมที่เหลืออยู่ 9 ล้านบาทได้หมด ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการงวดปี 51 ได้ ตามที่บริษัทได้กำหนดนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุืทธิ
ส่วนจำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลืออยู่ 325 ล้านหุ้น ยังไม่มีแผนที่จะเรียกใหู้้ผู้ถือหุ้นชำระเงิน โดยเงินลงทุนของบริษัทยังเพียงพอจากการขายโครงการและทยอยรับรู้รายได้ นอกจากนี้ก็จะใช้เงินจากการกู้สถาบันการเงิน เนื่องจาก D/E ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 1.87 เท่า จากเดิมที่เคยสูงถึง 2.23 เท่า และไม่มีนโยบายที่จะให้ D/E ต่ำกว่า 1 เท่า เนื่องจากยังต้องมีการกู้ยืมเงินมาทำโครงการต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม หากเห็นโอกาสการลงทุนที่ดีและเห็นผลตอบแืทนเร็วก็อาจจะมีการเีรียกชำระเงินจากกลุ่้มผู้ถือหุ้นก็เป็นไปได้
สำหรับโครงการในอนาคตมีแผนที่จะไปซื้อ NPA ของสถาบันการเงินมาดำเนินการต่อ เนื่องจากไม่ต้องลงทุนตั้งแต่เริ่มแรกใช้เวลาพัฒนาน้อยและต้นทุนถูกกว่า และพื้นที่ที่สนใจนอกจากกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกและต่างจังหวัดในหัวเมืองแล้ว ปัจจุบันก็สนใจพื้นที่กรุงเทพฯในเขตพระราม 2 พระราม 3 ด้วย
นายภัทรลาภ กล่าวยืนยันว่า การเข้ามาถือหุ้นใน LL เป็นการลงทุนส่วนตัวไม่ได้เป็นนอมิีนีของผู้ใด แม้ว่าจะเคยเป็นผู้บริหารของ บมจ.วินโคสท์ อินดัสเทรียล (WIN) ซึ่งเป็นของกลุ่มวงศ์สวัสดิ์ก็ตาม โดยการเข้ามาถือหุ้นใน LL ครั้งนี้ ถือรวมกับผู้บริหารรายอื่นผ่าน กองทุนฟัลคอน 9 รวม 12.82% และรวมทุกกลุ่มที่เป็นพันธมิตรและผู้บริหารรวมถือกว่า 60%
"ผมกับคุณวันชัย ศุภพยัคฆ์(ผู้ถือหุ้นใหญ่) รู้จักกันมา 20 ปี รวมถึงผู้บริหารอื่้นๆ ในปัจจุบันเพราะเคยทำงานเกี่ยวกับสถาบันการเงินมาด้วยกัน และกลุ่มผมลงทุนในระยะยาวและเป็นธุรกิจที่เป็นก้นถัง ยังไม่มีแนวคิดที่จะขายทิ้ง" นายภัทรลาภ กล่าว
ก่อนหน้านี้ LL แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าโครงการในอนาคต ได้แก่ โครงการเดอะ เมเปิ้ล (อังเกตุ) พัทยา มูลค่า 308 ล้านบาท ,โครงการเดอะ โคลเวอร์ (The Clover) เชียงใหม่ มูลค่า 505 ล้านบาท,โครงการบ้านมณีคราม - ภูเก็ต (เฟส 2) มูลค่า 317 ล้านบาท ,โครงการไพน์เนอรี่ พาร์ค บีช มูลค่า 187 ล้านบาท,โครงการลิฟวิ่งนารา - รังสิต (เฟส3) มูลค่า 314 ล้านบาท,โครงการลิฟวิ่ง นีโอ ธัญญบุรี มูลค่า 389 ล้านบาท และโครงการเดอะ เมเปิ้ล แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการ 123 ล้านบาท
LL หรือเดิมชื่อ บมจ.นครหลวงเส้นใยสังเคราะห์(HTX) ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายเส้นใยสังเคราะห์และเส้นใยไนลอน ก่อนจะเปลี่ยนมาดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันผู้ถือหุ้นประกอบด้วย กลุ่มนายวันชัย ศุภพยัคฆ์ 40% รองลงมาเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ HTX และเจ้าหนี้ รวมทั้งนักลงทุนเฉพาะเจาะจงที่ประกอบด้วย บลจ.ซิกโก้ บล.บีฟิท นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง และนักลงทุนบุคคล
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--