นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติเห็นชอบการมอบหมายงานแก่ผู้บริหารระดับสูงกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามโครงสร้างใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าตามแผนการแปรสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯและการเตรียมความพร้อมเป็นบริษัทมหาชนเพื่อเข้าจดทะเบียนในปี 54
ตามโครงสร้างใหม่ซึ่งแบ่งเป็น 2 องค์กร ได้แก่ ส่วนของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตลาดทุน และ กองทุนเพื่อการพัฒนาตลาดทุน ซึ่งเน้นการพัฒนาตลาดทุนในระยะยาวนั้น ทั้ง 2 องค์กรจะอยู่ภายใต้การดูแลของนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.
"การแบ่งกลุ่มงานตามโครงสร้างใหม่ ได้มีการนำงานของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งหมด ที่มีลักษณะงานที่ใกล้เคียงและมีความสอดคล้องต่อเนื่องมาจัดเป็นกลุ่มงานใหม่ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดในการให้บริการแก่ลูกค้าเป็นหลัก และเพื่อการสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ทุกกลุ่ม ซึ่งจะเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาธุรกิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้มีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการเติบโตเป็นบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" นายปกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มงานธุรกิจ (Exchange Functions) แบ่งงานเป็น 3 งานหลัก ได้แก่ งานด้านการพัฒนาตลาด (Markets) ,งานด้านการสรรหาและดูแลบริษัทจดทะเบียน (Issuer & Listing) และ งานบริการหลังการซื้อขาย (Post Trade Services)
กลุ่มงานบริหารและสนับสนุน (Finance & Administration) แบ่งเป็น 3 งานหลัก ได้แก่ กลุ่มงานด้านปฏิบัติการ (Market Operations) และงานด้านเทคโนโลยี (IT) , ด้านการเงินและงานสนับสนุน (Finance & Administration) และ ด้านกำกับและบริหารความเสี่ยง (Market Regulations & Risk Management)
ส่วนของกองทุนเพื่อการพัฒนาตลาดทุน (Capital Market Development Fund: CMDF)ได้มีการแบ่งกลุ่มงานเป็น 3 กลุ่ม เพื่อทำหน้าที่พัฒนาตลาดทุนในระยะยาว ได้แก่ งานด้านการให้ความรู้ (Education) งานด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมตลาดทุนโดยรวม (Industry Development)และ สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน (Capital Market Research Institute) โดยมีงานด้านบริหารสินทรัพย์อยู่ในส่วนของกองทุนเพื่อการพัฒนาตลาดทุนด้วย
โครงสร้างองค์กรใหม่นี้จะมีผลตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.52 เป็นต้นไป โดยในระหว่างนี้ ผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับมอบหมายงาน จะเตรียมการสำหรับการจัดทำแผนกลยุทธ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทจดทะเบียน พร้อมทั้ง กำหนดแนวทางการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ใน 5 ปีข้างหน้าต่อไป
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเป็น 2 เท่า และตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายในปี 56 โดยร้อยละ 25 ต้องเป็นรายได้จากการออกสินค้าใหม่ รวมทั้ง การมีบริษัทจดทะเบียนจากต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ซึ่งจะมีการกำหนดแผนกลยุทธ์ เพื่อให้มีการดำเนินงานที่บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--