ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มการเงิน นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่แข็งแกร่งเกินคาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 186.13 จุด หรือ 1.63% แตะระดับ 11,583.69 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 21.06 จุด หรือ 1.67% แตะระดับ 1,284.26 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 10.10 จุด หรือ 0.44% แตะระดับ 2,329.72 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.47 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2.27 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
เคร็ก เพ็คแฮม นักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนจากบริษัทเจฟเฟอรีส์ แอนด์ โค กล่าวว่า "นักลงทุนไม่ให้ความสนใจต่อราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่พุ่งขึ้นกว่า 4 ดอลลาร์ แต่กลับให้น้ำหนักต่อรายงานของ ADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐ ที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐเพิ่มการจ้างงาน 9,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง และเพิ่มความหวังว่ารัฐบาลสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ที่แข็งแกร่งเกินคาดในวันศุกร์นี้"
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.จะลดลง 75,000 ตำแหน่ง หลังจากลดลง 62,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 5.6 % ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 5.5 % ในเดือนมิ.ย
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ หลังมีข่าวว่าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ลงนามในร่างกฎหมายกู้วิกฤตการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเจ้าของบ้าน 400,000 รายที่กำลังเสี่ยงกับการถูกยึดบ้าน รวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่สองบริษัทสินเชื่อรายใหญ่ในแวดวงอสังหาฯ คือ เฟรดดี แมค และ แฟนนี เม และเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการดำเนินธุรกิจของทั้งสองบริษัทซึ่งมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนด้านการเงิน
โทนี่ ฟรัตโต โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีบุชได้ลงนามรับรองมาตราการดังกล่าวในช่วงเช้าวานนี้ตามเวลากรุงวอชิงตัน โดยมีนายเฮนรี่ พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ นายสตีฟ เพรสตัน รมว.พัฒนาเมืองและที่อยู่อาศัย และนายไบรอัน มอนท์โกเมอรี่ ผู้อำนวยการสำนักงานการเคหะสหรัฐ เป็นพยานในการลงนาม ทั้งนี้ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวด้วยว่า สำนักงานการเคหะสหรัฐจะเริ่มดำเนินนโยบายใหม่ให้เห็นผลเป็นรูปธรรมในทันที เพื่อช่วยให้ครอบครัวชาวอเมริกันมีที่อยู่อาศัยต่อไป
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มโบรเกอร์ทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะขยายโครงการปล่อยเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์และวาณิชธนกิจ และข่าวที่ว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐขยายมาตรการห้ามการทำช็อตเซลหุ้นแฟนนี เม และเฟรดดี แมค และบริษัทการเงินที่สำคัญรายอื่นๆ อีก 17 แห่งไปจนถึงวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของทางการสหรัฐทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าสถาบันการเงินเหล่านี้ยังมีเงินสดมากพอที่จะหมุนเวียนภายในองค์กร
ทั้งนี้ หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ และหุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ดีดขึ้นกว่า 5 % ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นเมอร์ริล ลินช์ พุ่งขึ้นประมาณ 2% ส่วนหุ้นแฟนนีเม พุ่งขึ้น 3.9% และหุ้นแฟนนี แมค ปิดบวก 6 เซนต์ แตะระดับ 8.48 ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--