โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"เก็บหุ้น บมจ.ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์(TUF)มองผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2/51 ซึ่งจะโตสูงสุดในรอบ 5 ปี จากการที่บริษัทสามารถเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้จากการปรับขึ้นราคาขายให้สะท้อนต้นทุนที่เร่งตัวขึ้น ประกอบกับ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอีกจะส่งผลดีในไตรมาสถัดไป ทำให้ปรับประมาณการในปีนี้ยอดขายโตขึ้น 20% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน นอกจากนั้น ยังเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงระดับ 7%
ราคาหุ้นเคลื่อนไหวขณะนี้อยู่ที่ 16.00 บาท บวก 0.30 บาท (+1.91%) ราคาสูงสุด 16.10 บาท และราคาต่ำสุดที่ 15.60 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.โกลเบล็ก ซื้อ 25.30
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 25.02
บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 20.53
บล.ธนชาต ซื้อ 22.00
บล.เคทีบี ซื้อ 18.90
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานของ TUF งวดไตรมาส 2/51 จะเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าจากงวดที่ผ่านมา เป็น 718 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี ปัจจัยหลักมาจาก Gross margin ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 13.4% เป็นผลจากการปรับขึ้นราคาขายอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 10% จากปีที่ผ่านมา เพื่อสะท้อนต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ขณะที่ปริมาณการขายคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 5% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ยอดขายรวมในไตรมาส 2/51 เพิ่มขึ้น 9.5% จากไตรมาสที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในงวดไตรมาส 2/51 คาดว่า TUF จะมีการบันทึกขาดทุนจากการอัตราแลกเปลี่ยนราว 311 ล้านบาท เทียบกับที่เคยบันทึกกำไร 444 ล้านบาทในงวดไตรมาส 1/51 เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงปลายงวดไตรมาส 2/51 แต่คาดหมายว่าผลการดำเนินงานจะขยายตัวต่อเนื่องในงวดไตรมาส 3/51 ซึ่งเป็นช่วงสูงสุดของการส่งออก และจะได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเต็มที่
นอกจากนี้ในเดือน ก.ย.ซึ่งจะมีการประกาศอัตราภาษี AD รอบสุดท้าย คาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทฯจะได้รับการลดหย่อนภาษีดังกล่าวจากเดิม 15.3% เหลือ 6.09% (อิงอัตราเดียวกับประเทศไทย) ภายหลังส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังคาดหวังอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผล (Div yield) ในปี 2551 ถึง 7.1%
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส แนะ"ซื้อ"TUF เมื่ออ่อนตัว โดยมีปัจจัยบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่า TUF มีรายได้เป็นเงินดอลลาร์จากการส่งออกเกือบ 100% และแนวโน้มครึ่งปีหลังผลประกอบการจะดีเนื่องจากเป็นฤดูกาลส่งออก และกรณีการทุ่มตลาด(AD)สินค้ากุ้ง มองว่า TUF น่าจะมีโอกาสชนะ ซึ่งน่าจะได้รับประโยชน์
"ในช่วงนี้ราคาอ่อนตัวก็ซื้อเล่นเก็งกำไรได้ เล่นเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนตัวบริษัทส่งออกเป็นหลักได้ประโยชน์" นายภูวดล กล่าว โดยให้มีแนวรับ 15.50 บาทและแนวต้าน 16.50 บาท
ด้าน บล.เคทีบี คาดว่า TUF จะมียอดยอดขายในไตรมาส 2/51 ในรูปเงินดอลลาร์มีอัตราการเติบโต 30% จากปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน(yoy)ที่มีจำนวน 396.4 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ในระดับ 32.40 บาท/ดอลลาร์ ส่งผลให้มีรายได้จำนวน 1.67 หมื่นล้านบาท เติบโต 22% yoy โดยที่ยอดขาย Pet food มีอัตราการเติบโตสูงสุดกว่า 40%
และแม้ว่าบริษัทยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี แต่ผลจากเงินบาทที่อ่อนลงมาค่อนข้างรวดเร็วทำให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 311 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 424 ล้านบาท ลดลง 27% จากไตรมาสก่อน และ 2% จากปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน
จึงปรับประมาณการรายได้ทั้งปีเพิ่มขึ้น 4% ที่ 1.93 พันล้านดอลลาร์ เติบโต 20% จากปีก่อน โดยอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยทั้งปีที่ 32.50 บาท/ดอลลาร์(คาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนในครึ่งปีหลังอยู่ที่ 33.50-34 บาท/ดอลลาร์)และรับเพิ่มกำไรสุทธิขึ้น 10% เป็น 1.85 พันล้านบาท
แต่ยังคงประเมินราคาพื้นฐานอย่างอนุรักษ์นิยมที่ 18.90 บาท PE 9x ขณะที่ Historical PE 11x มี Upside gain 20% ประกอบกับมี Dividend Yield 6.7% แนะนำ"ซื้อ"โดยมีแนวรับ 15.60 บาท แนวต้าน 15.80/16.30
ส่วน บล.ธนชาต มองว่ามูลค่าหุ้น TUF ถูก หลังจากที่ TUF มีผลกำไรที่ลดลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มองว่าผลการดำเนินงานของ TUF น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากช่วงไตรมาส 2/51 เป็นต้นไป ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวยังไม่สะท้อนในราคาหุ้น เนื่องจากราคาหุ้น TUF กำลังซื้อขายที่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี และที่ระดับ P/E และ P/BV เกือบจะต่ำที่สุดที่เคยซื้อขายในอดีต Dividend yield ของบริษัทฯอยู่ในระดับสูง และมีเสถียรภาพที่ระดับ 7% ขึ้นไป
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--