ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด และตัวเลขว่างงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 205.67 จุด หรือ 1.78% แตะระดับ 11,378.02 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 16.88 จุด หรือ 1.31% แตะระดับ 1,267.38 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 4.17 จุด หรือ 0.18% แตะระดับ 2,325.55 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ 1.45 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.39 พันล้านหุ้น
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและกระหน่ำขายหุ้นอย่างหนัก หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาสสองขยายตัวเพียง 1.9% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียล/ไอเอฟอาร์คาดว่าจะขยายตัวขึ้น 2.4% ต่อปี ซึ่งจะสูงขึ้นกว่า 2 เท่าจากไตรมาสแรก นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการในระหว่างว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ประจำเดือนก.ค.ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 และอัตราว่างงานจะพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ สำนักงานจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในวันศุกร์เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐ ที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐเพิ่มการจ้างงาน 9,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานจะลดลง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.จะลดลง 75,000 ตำแหน่ง หลังจากลดลง 62,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 5.6 % ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 5.5 % ในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาหนักขึ้นเมื่อนายอลัน กรีนสแปน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแสดงความเห็นผ่านทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย สวนทางกับที่นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐที่มั่นใจว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวในระดับปานกลางไปจนถึงปลายปีนี้ และเชื่อมั่นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.68 แสนล้านดอลลาร์จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้
หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปิดร่วงลง 4.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสองมูลค่า 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มบริษัทพลังงานสหรัฐ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นัวกิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ดิ่งลง 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ค่อนข้างต่ำในไตรมาสสอง แต่หุ้นโมโตโรลาทะยานขึ้น 12.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า โมโตโรลา อิงค์ บริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของโลกที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมมานานนับ 10 ปี อาจขาดทุนต่อเนื่องในไตรมาสสอง ซึ่งจะเป็นการขาดทุนติดต่อกัน 4 ไตรมาส หลังจากสูญเสียส่วนแบ่งตลาดจำนวนมากให้กับบริษัทคู่แข่งอย่าง แอลจี อิเล็กทรอนิกส์ อิงค์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--