ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) เนื่องจากแรงบวกในหุ้นกลุ่มธนาคารและผู้ค้าปลีกไม่สามารถชดเชยการร่วงลงของหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มเหมืองแร่ได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยข้อมูลตัวเลขในภาคแรงงานที่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะถดถอย รวมไปถึงราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น และการขาดทุนมหาศาลในไตรมาสสองของเจนเนอรัล มอเตร์ส คอร์ป (จีเอ็ม)
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 57.2 จุด แตะระดับ 5,354.7 จุด หลังจากที่เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยแตะระดับต่ำสุดที่ 5,321.3 อย่างไรก็ตาม ตลาดสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวขึ้น 2.1 จุด
โดยในช่วงที่ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการนั้น ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ลดลง 67.4 จุด แตะที่ 11,310.6 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วง 7.8 แตะ 1,259.6 และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 27.8 แตะที่ at 2,297.75
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า อัตราว่างงานในเดือนก.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปีที่ 5.7% ขณะที่ตัวเลขจ้างงานลดลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันด้วยจำนวน 51,000 ตำแหน่ง ซึ่งถึงแม้จะลดลงน้อยกว่าระดับ 72,000 จากการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ Thomson Reuters IFR Markets ได้สำรวจไว้ แต่ข้อมูลตัวเลขภาคแรงงานล่าสุดนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐกำลังถดถอย
ขณะเดียวกัน สถาบันการจัดการอุปทานเผยว่า กิจกรรมการผลิตซบเซาในเดือนก.ค. ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่าง จีเอ็ม ก็เผยว่าบริษัทขาดทุน 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสสอง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ และเป็นตัวเลขขาดทุนมากเป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์ของบริษัท
สำหรับความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นลอนดอนเองนั้น บริติช เอนเนอร์จี ร่วงลงมากที่สุด 29-1/2 เพนซ์ ปิดที่ 700 หลังจากการเข้าเทคโอเวอร์บริษัทโดย EDF ของฝรั่งเศส ไม่มีความคืบหน้าในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่ถ่วงให้ดัชนีร่วงลงก็คือ การปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มเหมือง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากราคาโภคภัณฑ์ที่ถอยร่นลงอีกครั้ง โดย Kazakhmys ร่วง 76 เพนซ์ ปิดที่ 1,423, Vedanta ร่วง 107 ปิดที่ 1,911, BHP Billiton ลบ 88 ปิดที่ 1,605 และ Rio Tinto ลบ 293 ปิดที่ 5,047
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--