TRC คาดรายได้รวมปีนี้ 2.1 พันลบ.โต 30% มั่นใจครึ่งปีหลังได้รับงานเพิ่ม

          นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น  (TRC) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ TRC คาดว่าจะสามารถเข้าประมูลงานมากขึ้น แต่ยังไม่ได้สรุปตัวเลขที่ชัดเจนโดยส่วนใหญ่เป็นงานเร่งด่วนทำให้รับรู้รายได้เร็วขึ้น ส่งผลให้งานในมือของบริษัทมีเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีงานในมือแล้วกว่า 2,300 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้งานเพิ่มมาประมาณ 20-30% ของปริมาณงานที่เข้าร่วมประมูลทั้งหมด 
          นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาขายหุ้นในโครงการรอยัล ราชดำริ ให้กับพันธมิตรภายใต้เงื่อนไขว่าจะต้องให้ TRC เป็นผู้รับเหมางานซึ่งประเมินเบื้องต้นว่าบริษัทจะได้รับเงินจากครั้งนี้ประมาณ 100 กว่าล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/51 ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการในปีนี้อยู่ในระดับที่บริษัทคาดการณ์ไว้
          "ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง บริษัทได้หันมาให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และควบคุมค่าใช้จ่าย ควบคู่ไปกับการประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อรักษาอัตราผลการดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง" นายสมัย กล่าว 
          ส่วนการรับงานในต่างประเทศจะมีความชัดเจนในการเข้ารับงานมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ มั่นใจว่าจะมีผลงานออกมาตามแผนงานภายในปี 2552 และมีงานที่เข้าร่วมกับผู้ประกอบการรายอื่นในการเข้าไปประมูลงานในประเทศไนจีเรีย จะรู้ผลช่วงต้นปี 2552 เช่นเดียวกัน
          "ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะเพิ่มขึ้นจาก 1,600 ล้านบาท ในปี 2550 เติบโตเป็นประมาณ 2,100 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 30% ซึ่งเป็นรายได้ที่การทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือและการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น บริษัทได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กและน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นไม่มากนัก เนื่องจาก TRC มีการวางแผนด้านการซื้อวัสดุล่วงหน้า และงานส่วนใหญ่ที่ได้มา วัสดุหลักในการก่อสร้างจะเป็นของที่ลูกค้าจัดซื้อมาให้ ส่วนบริษัทจะมีรายได้จากค่าบริการเป็นหลัก" นายสมัยกล่าว
          นายสมัย กล่าวต่อว่า จะรุกขยายงานในตลาดต่างประเทศมากขึ้นจะทำให้ในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของ TRC เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ และบริษัทมิได้คาดการณ์รายได้ส่วนนี้ในงบประมาณของบริษัทในปีนี้ แต่ในช่วงปี 2552 บริษัทได้ประมาณการณ์ไว้ว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 20-30% โดยบริษัทได้มีการจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศขึ้นมาเพื่อรองรับงานจากต่างประเทศรวม 2 บริษัท คือ TRC International Limited ที่ฮ่องกง และ TRC Investment Limited ในสาธารณรัฐเมอริเชียส เพื่อให้การขยายธุรกิจเป็นไปอย่างคล่องตัว