ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดรูดลงเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ร่วงลงอย่างรุนแรงได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของราคาน้ำมันช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่พยุงดัชนีดาวโจนส์ไม่ให้ปรับตัวลงมากนัก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 42.17 จุด หรือ 0.37% แตะระดับ 11,284.15 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 11.30 จุด หรือ 0.90% แตะระดับ 1,249.01 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 25.40 จุด หรือ 1.10% แตะระดับ 2,285.56 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.23 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.01 พันล้านหุ้น
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ปิดร่วงลง 3.69 ดอลลาร์ หรือ 2.9% แตะระดับ 121.41 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีข่าวว่าพายุโซนร้อน"เอดูอาร์ด"ไม่มีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าสในอ่าวเม็กซิโก โดยราคาน้ำมันดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
ริชาร์ด คลิปส์ นักวิเคราะห์จากบริษัทสตีเฟล นิโคลาส์ กล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์ช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ให้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากดัชนีดิ่งลงอย่างหนักในช่วงเช้าเพราะได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐที่ร่วงลง 0.8% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันเบนซินภายในประเทศที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง"
"ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลงเกินคาดทำให้นักลงทุนกังวลว่า ภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยและราคาน้ำมันเบนซินภายในประเทศที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง กำลังบั่นทอนอำนาจซื้อของผู้บริโภคและฉุดรั้งเศรษฐกิจให้ถดถอยลงด้วย เพราะตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐ" คลิปส์กล่าว
นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคาคกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในคืนวันอังคารที่ 5 ส.ค. โดย ซุน วอน ซอน นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า "เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงท่ามกลางราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงและอัตราว่างงานที่ปรับตัวสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปีเช่นนี้ อาจทำให้เบน เบอร์นัน เก้ ประธานเฟดถูกกดดันในเรื่องดอกเบี้ย แต่เราเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วเบอร์นันเก้จะยังไม่ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อเหมือนอย่างที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ไว้ แต่เลือกที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ก่อนเพื่อพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอตัวลงมากไปกว่านี้"
ด้านนายเทอร์รี คอนเนลลีย์ นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยโกลเด้นเกทกล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลง ด้วยเหตุนี้เราจึงเชื่อว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันอังคารนี้ เพราะเฟดมองว่าการพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ เป็น 'ภาระกิจเร่งด่วน' กว่าการสกัดกั้นเงินเฟ้อ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2548 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้น และเป็นการปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7%"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ อาทิ บริษัทพร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล (พีแอนด์จี) บริษัทซิสโก ซิสเต็มส์ บริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) บริษัทเฟรดดี แมค และบริษัทสปรินท์ เน็กซ์เทล
ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.91% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.79% หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--