โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"บมจ.เอสวีไอ(SVI)คาดการณ์กำไรในไตรมาส 2/51 ยังเติบโตต่อเนื่อง และทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 12.2% จากไตรมาสก่อนอยู่ในระดับ 9.4% ทั้งๆ ที่ช่วงไตรมาส 2 ปกติเป็นช่วง Low Season และแนวโน้มครึ่งปีหลังยังเติบโตตามฤดูกาล พร้อมได้รับผลดีจากเงินบาทอ่อนค่าด้วย ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำ มองยังมี upside gain สูงกว่า 40%
ราคาหุ้น SVI วานนี้เริ่มฟื้นตัว ปรับขึ้นมา 10.32% หรือ บวก 0.13 บาท ปิดที่ 1.39 บาท จากที่เคยลงไปต่ำสุดที่ 1.19 บาท เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 2.00
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 1.93
บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 1.86
บล.ไซรัส ซื้อ 1.82
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 1.80
บล.กิมเอ็งฯ ซื้อ 1.80
น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า SVI ไตรมาส 2/51 มีกำไรสุทธิ 141 ล้านบาท โดยเป็นกำไรปกติ 130 ล้านบาท เติบโต 34.2% จากไตรมาสที่แล้ว และสูงขึ้น 77.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ กำไรที่โตจากยอดขายที่เติบโตได้ดีมากและถือว่าทำสถิติสูงสุดเป็นเงิน 1.7 พันล้านบาท โดยค่าเงินบาทอ่อนในช่วงปลายไตรมาส 2/51 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/51 เงินบาทอ่อนค่าลงไปประมาณ 2 บาท/ดอลลาร์ แต่ถ้าเทียบกับปีที่แล้วแข็งค่าขึ้น
"เขาขยายฐานลูกค้าได้ดีมาก และส่วน gross margin ออกมาเยี่ยม โดยทำได้ 12.2% สูงกว่าไตรมาสแรกที่มี 9.4% ปีที่แล้วอยู่ที่ 10% ในแง่ยอดขายก็ดีขึ้น ต้นทุนการผลิตต่างๆปรับตัวลดลงคือควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีมาก"นางจิตรา กล่าว
และมีแผนขยายโรงงานอีก 1 แห่ง ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งที่ 4 ก็คิดว่าน่าจะเริ่มผลิตได้ในครึ่งหลังปี 52 ซึ่งจะเป็นตัวช่วยผลักดันผลประกอบการในอนาคต
"ตอนนี้น่าซื้อเพราะพี/อี ถูกมากแค่ 5 เท่า ขณะที่พี/อีของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ 9 เท่า และเป็นตัวเดียวที่ราคาเทรดต่ำกว่า book value และในแง่กระแสเงินสดของเขาดีมาก มีสินทรัพย์หมุนเวียน 0.22 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้นถูกเกินไป"น.ส.จิตรา กล่าว
บล.ทรีนิตี้ ระบุ SVI ทำกำไรในไตรมาส 2/51 ได้ 142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.6% จากปีก่อน และโตขึ้น 26.3% จากไตรมาส 1/51 ถือว่าทำกำไรได้สูงสุดเป็นสถิติใหม่ แม้ว่าไตรมาสนี้เป็นช่วงฤดูกาลที่ผลประกอบการกลุ่มอิเล็คทรอนิคส์อ่อนตัวลง เป็นเพราะรายได้เพิ่มขึ้น จากการขยายกำลังการผลิตในโรงงาน 1 และ 2 รวมรายได้จากโรงงานในจีนที่เพิ่มขึ้น
รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นมาที่ 12.2% จาก 9.4% ในไตรมาสก่อน และ 9.8% ช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยได้รับแรงสนับสนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ขณะเดียวกันบริษัทฯมีต้นทุนวัตถุดิบที่ซื้อในช่วงบาทแข็งค่าไว้ และคำสั่งซื้อในระดับที่สูงทำให้เกิดประสิทธิภาพการผลิต ทั้งนี้ คาดว่าระดับอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปกติของบริษัท น่าจะอยู่ในระดับ 10-11%
เบื้องต้นคาดว่ากำไรสุทธิทั้งปีของ SVI น่าจะสูงถึง 450 ล้านบาท หรือสูงกว่าคาดการณ์ปัจจุบันของเราถึง 22%
ส่วนแผนการลดการถือครองหุ้นของ H&Q ยังไม่คืบหน้า เพราะราคาหุ้นยังคงถูกล็อค ทั้งนี้ เราเชื่อว่าประเด็นปัญหาซับไพรม์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนและต่อการรับซื้อหุ้นในส่วนของ H&Q ทำให้ยังไม่อาจปลดล็อคหุ้นจากความกังวลการลดสัดส่วนการลงทุนของผู้ถือหุ้นใหญ่ไปได้ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในปัจจุบันมีส่วนลดสูงจากราคาเหมาะสม และราคาถูกเมื่อพิจารณาในมุมมองต่างๆ
ส่วนบล.กิมเอ็ง(ประะทศไทย) มองว่า แนวโน้ม SVI ครึ่งปีหลังและปีหน้ายังคงสดใส จากกำไรปกติครึ่งแรกของปีเติบโตถึง 58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 228 ล้านบาท และเทียบเท่า 59% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเราที่ 388 ล้านบาทหรือ 0.23 บาท/หุ้น และด้วยแนวโน้มครึ่งปีหลังยังดีตามฤดูกาล เราจึงมีแนวโน้มต้องปรับเพิ่มการคาดการณ์นี้หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างขยายโรงงานใหม่แห่งที่ 3 ในไทย ซึ่งจะรองรับการเติบโตในปีหน้าได้ดี ทำให้กำลังผลิตรวมของโรงงานในไทยเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--