(เพิ่มเติม) UKEM เสนอบอร์ด 13 ส.ค.ใช้ 8 ลบ.เทคโอเวอร์ธุรกิจเทรดดิ้งน้ำมันเตา

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 5, 2008 12:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ. ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล(UKEM)เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติเข้าซื้อกิจการเทรดดิ้งน้ำมันเตา ในสัดส่วน 70-80% คาดเบื้องต้นใช้เงินลงทุนประมาณ 8 ล้านบาท  และใช้เวลาทำดิวดิลิเจ้นท์ 2-3 เดือน คาดจะเริ่มมีรายได้เข้ามาในไตรมาส 4 ปีนี้ 
ขณะที่บริษัทจัดตั้งใหม่ในฮ่องกงเพื่อทำธุรกิจเทรดดิ้งเคมีภัณฑ์ น่าจะทำรายได้ 200 ล้านบาทภายในปีนี้ ก่อนจะเพิ่มเป็น 500-600 ล้านบาทในปีหน้า ทำให้บริษัทปีนี้มีโอกาสจะมีรายได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.8 พันล้านบาท
นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี รองกรรมการผู้จัดการ UKEM กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทได้มีการพูดคุยกับเจ้าของบริษัทเทรดดิ้งน้ำมันเตาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางเขามีแหล่งซัพพลายน้อย ขณะที่มีตลาดอยู่แล้วโดยมีลูกค้าอยู่ 40-50 ราย โดยในปีก่อนมีรายได้ 150 ล้านบาท จึงมองว่า UKEM เข้าไปดำเนินกิจการต่อได้ เพราะมีแหล่งซัพพลายมากกว่า และถือว่าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมของบริษัท
"เราจะนำเรื่องเข้าบอร์ดพิจารณาขออนุมัติในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ คิดว่าเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุน 8 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่มาก จะเข้าซื้อ 70-80% หลังจากก็ทำดิวดิลิเจ้นท์ได้เลย"นายพีรเจต กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้ระยะเวลาเข้าไปทำดิวดิลิเจ้นท์ประมาณ 2-3 เดือน ในไตรมาส 4/51 รายได้จากเทรดดิ้งน้ำมันเตาจะเริ่มเข้ามา
นอกจากนี้ จากที่บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ชื่อ Multi Kross Operation Limited เพื่อจำหน่ายเคมีภัณฑ์ระหว่างประเทศ ซึ่ง จะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนก.ย.นี้ โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 200 ล้านบาท แต่ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 500-600 ล้านบาท หรือเพิ่มสัดส่วนส่งออกเป็นกว่า 10% จากปัจจุบันมีไม่ถึง 1%
ทั้งนี้ การจัดตั้งบริษัทเทรดดิ้งเคมีภัณฑ์ครั้งนี้บริษัทต้องการให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะบริษัทมีฐานลูกค้าย่านตะวันออก ได้แก่ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การค้าขายเป็นไปอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะมีมาร์จิ้นไม่เกิน 3%
โดยบริษัทจะนำผลิตภัณฑ์จากบริษัท พีทีที ฟินอล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือปตท. และยังมีอีก 2 บริษัท ที่จะเป็นแหล่งผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออก
รวมทั้ง บริษัทยังได้เป็นตัวแทนขายน้ำมันเครื่องในภาคอีสาน ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้ 120-150 ล้านบาทต่อปี โดยจะเริ่มในเครึ่งปีหลังนี้
ดังนั้น นายพีรเจต มองว่า บริษัทมีโอกาสที่รายได้ของบริษัทจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.8 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังจะมีรายได้จากธุรกิจใหม่ 3 ธุรกิจเข้ามาเสริมรายได้หลักของบริษัท
"เราต้องการขยายธุรกิจใหม่ๆออกไป เพื่อลดความเสี่ยงจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ ทั้ง 3 ธุรกิจใหม่ในปีหน้าจะเห็นชัดเจนมากขึ้น" นายพีรเจต กล่าว
ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้ใหม่เป็น 2.8 พันล้านบาทจากเดิมตั้งไว้แค่ 2.5 พันล้านบาท เนื่องจากรายได้ในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ทำได้ถึง 1.4 พันล้านบาท และโดยปกติครึ่งปีหลังจะมียอดขายดีกว่าครึ่งปีแรก และยังมองว่ากำไรปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน
"ตัวเลข 2.8 พันล้านบาท เป็นรายได้จากธุรกิจเดิม ซึ่งเราตั้งแบบ conservative แต่ถ้าทำได้สูงกว่าเป้าถือว่าเป็นบวกให้บริษัท " นายพีรเจต กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 50 บริษัทมีรายได้ 2.14 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 37.14 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ