บมจ.น้ำมันพืชไทย(TVO)มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลงแรงช่วง 2 วันที่ผ่านมาน่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดของนักลงทุนที่กังวลการปรับลดลงของราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกว่าอาจจะมีผลกระทบกับบริษัท ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วปัจจัยพื้นฐานของบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างนั้น แต่ยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ 14-17% เนื่องจากขณะที่ราคาน้ำมันพืชในตลาดโลกปรับลดลง ราคาวัตถุดิบถั่วเหลืองก็ปรับลดลงในทิศทางเดียวกันด้วย
ดังนั้น บริษัทจึงยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 51 เติบโตในระดับ 32% เป็น 20,000 ล้านบาทขึ้นไป และยังเชื่อว่าในช่วงที่ราคาถั่วเหลือง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ อยู่ในช่วงขาลง น่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับบริษัทมากขึ้นด้วย ส่วนการพิจารณาคำขอปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองนั้น แม้กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่อนุญาตก็ไม่มีผลกระทบกับภาพรวมผลประกอบการของบริษัทมากนัก เนื่องจากสัดส่วนรายได้ของน้ำมันถั่วเหลืองคิดเป็นแค่ 11-12% และตอนนี้ราคาวัตถุดิบก็ปรับลงแล้ว
นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ รองกรรมการผู้จัดการ TVO เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราคาวัตถุดิบเริ่มปรับตัวลดลงเท่ากับยิ่งทำให้โอกาสในการทำกำไรและสร้างผลประกอบการของบริษัทยิ่งดีขึ้น เนื่องจากบริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าผลิตภัณฑ์ทั้งกากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลืองอยู่แล้ว จึงเป็นจังหวะที่ดีที่สามารถซื้อวัตถุดิบซึ่งราคาไหลลงมาในจุดที่ถูกกว่า ณ เวลาทำสัญญา
"ตรงนี้ก็จะเป็นอีกตัวหนึ่งที่ช่วยให้แนวโน้มของ gross margin ยังดีอยู่ เมนท์เทนที่ 14-17% ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่อยากจะเรียนให้นักลงทุนได้ทราบ...โน้มลงทั้งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ แต่ gross margin ยังดีเหมือนเดิม แม้จะโน้มลงทั้ง 2 ตัวแต่ส่วนห่างระหว่างวัตถุดิบกับราคาขายยังดีอยู่ไม่ได้แคบลง"นายเศรษฐสรร กล่าว
แม้กระทรวงพาณิชย์จะยังไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาจำหน่ายน้ำมันพืช ก็ยังไม่ได้ส่งกระทบกับบริษัทมากนัก เพราะตลาดน้ำมันพืชของเรามีสัดส่วนรายได้แค่ 11-12% ของรายได้รวม ไม่ใช่เป็นรายได้หลักทั้งหมด หากไม่ให้ปรับขึ้นก็ไม่เป็นไรเพราะราคาวัตถุดิบปรับลดลงมาแล้ว
แต่หากบริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายตามผู้ผลิตรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม ก็ยิ่งทำให้ยิ่งดี และบริษัทเห็นว่ารัฐบาลเองก็ควรจะดูที่ภาพรวมไม่ใช่แค่บริษัทใดบริษัทหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่ารายได้ทั้งปียังน่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 32% จากปีก่อน หรือทำรายได้รวมสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มผลประกอบการยังไปได้ดี เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับลดลง โอกาสทำกำไรก็น่าจะเพิ่มขึ้น
"รายได้ปีนี้น่าจะสูงกว่าปีที่แล้ว 32% หรือน่าจะเกินระดับ 20,000 ล้านบาทขึ้นไป...ช่วงครึ่งปีหลังทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนงานและเป้าที่เราได้วางคือผลประกอบการยังมีแนวโน้มดี และยิ่งในช่วงขาลงเท่ากับเปิดโอกาสให้เรายิ่งมีโอกาสในการทำ Gross margin ได้ดีขึ้น อย่างน้อย 14-17% เป็นสิ่งที่ทำอยู่แล้ว และตลาดก็มีช่วงห่างให้อยู่แล้ว"นายเศรษฐสรร กล่าว
อนึ่ง ปี 50 TVO มีรายได้รวม 18,455 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,351 ล้านบาท
ผู้บริหาร TVO กล่าวอีกว่า กำลังการผลิตของบริษัทที่เพิ่มเข้ามาคงจะเพียงพอกับความต้องการในอนาคต เพราะตลาดในปรพะเทศต้องการกากถั่วเหลืองปีละประมาณ 3 ล้านตัน ส่วนเพิ่มของเราประมาณแค่ 5 แสนตันเท่านั้น ยังมีความต้องการอีกมาก ซึ่งปัจจุบันการผลิตการจำหน่ายของบริษัทไม่ได้ชะลอลง แต่ยังคงผลิตในอัตราเต็มที่ตามแผน และการขายของเราก็ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้าของเราในบางตลาดขาดแคลนด้วย
ทั้งนี้ ราคาหุ้น TVO ช่วง 2 วันนี้ปรับลงมา 18.60% แล้ว จากราคาปิดเมื่อวันที่ 4 ส.ค.อยู่ที่ 24.20 บาท ปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 19.70 บาท
เมื่อเวลา 16.01 น.ราคาหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ที่ 19.80 บาท ลดลง 2.00 บาท (-9.17%) โดยเปิดตลาดที่ 22.00 บาท ปรับขึ้นสูงสุดที่ 22.10 บาท และลงต่ำสุดที่ 19.60 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--