บล.ทิสโก้ มองดัชนีหุ้นไทยในเดือน ส.ค.เป็นขาขึ้น มองเป้าดัชนี SET ที่ 720 จุด ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับขึ้น และปัจจัยการเมืองภายในยังนิ่ง รวมทั้งต่างชาติเทขายน้อยลง แนะเล่นหุ้นกลุ่มแบงก์, อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แต่ในระยะกลางคาดว่าหุ้นจะเป็นขาลง ดัชนี SET จะลงไปต่ำสุดในเดือน ต.ค. มาสู่แนวรับที่ 580-600 จุด เป็นผลจากการเมืองกดดัน และปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะซับไพร์มยังพ่นพิษต่อ
"เดือนสิงหาคมมองว่าเป็นตลาดขาขึ้น เรื่องการเมืองก็ยังไม่มีอะไร และตลาดต่างประเทศก็ปรับขึ้น ถ้าตลาดเราไม่ขึ้นก็แปลกแล้ว...เราติดตามหุ้นดาวน์โจนส์ เพราะตลาดสหรัฐขึ้นเราก็ขึ้นเสียเป็นส่วนใหญ่ " นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายลูกค้าส่วนบุคคล และ รักษาการหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวงานสัมนา"หุ้นเด่น-การเมืองเดือด"
สำหรับนักลงทุนต่างประเทศ นายวิวัฒน์ คาดว่า เดือน ส.ค.จะมียอดขายสุทธิประมาณ 7 พันล้านบาท โดยในช่วงปี 51 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ 89,350 ล้านบาท
ขณะที่ การเมืองในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่ยังเป็นปัจจัยหลักกดดันตลาดหุ้นไทย จากประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจไปถึงขั้นแตกหัก รวมทั้งเรื่องคดีความต่งๆของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและครอบครัวที่เงื่อนเวลาใกล้เข้ามา ทำให้มองว่า ความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาสูงภายในปีนี้
ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ส.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเบิกความเป็นพยานฝ่ายจำเลยนัดสุดท้ายเพื่อปิดคดีที่ดินรัชดาฯ และในวันที่ 16 ก.ย. ศาลฎีกาได้นักพิจารณาสืบพยานครั้งแรกในคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจำเลยในคดีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่า วงเงิน 4 พันล้านบาท , ถัดมาในวันที่ 26 ก.ย.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นักพิจารณาคดีโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว
นอกจากนี้ ยังมีคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ , กรณี พ.ต.ท.ทักษิณใช้อำนาจแก้ไขสัมปทานมือถือ และดาวเทียม
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ปัญหาซับไพร์มสหรัรฐก็ยังคงเป็นปัจจัยทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกสะเทือน โดยเฉพาะตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ โดยนักวิเคราะห์ในสหรัฐ คาดว่า ปัญหาซับไพร์มอาจจะจบในปลายปีหน้า และมีแนวโน้มสถาบันการเงินของสหรัฐจะล้ม รวมถึงธุรกิจบ้่านก็จะล้มไปด้วย
ดังนั้น มองแล้วตลาดในระยะกลางช่วง 3 เดือนนี้จึงคาดว่าเป็นขาลง คาดว่าจะลงมาสู่แนวรับที่ 580-600 จุด โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะต่ำสุดในเดือนต.ค.51
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ช่วงที่ราคาน้ำมันปรับลดลง แนะนำให้ลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง และมีกำไรดีในไตรมาส 2 ได้แก่ กลุ่มแบงก์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นระยะสั้น
ส่วนกองทุน Energy ETF ซึ่งลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และจะเปิดเทรดวันแรกในวันที่ 7 ส.ค. ขณะนี้มูลค่าสินทรัพย์ลดลง 5% เนื่องจากกองทุน Energy ETF ได้เข้าซื้อหุ้นพลังงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่ม ปตท. เมื่อ 29 ก.ค. และราคาหุ้นปรับลดไป 5% อย่างไรยังสามารถเข้าลงทุนหากราคาน้ำมันมาที่แนวรับที่ 110-115 เหรียญ/บาร์เรล
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--