PHATRAรักษามาร์เก็ตแชร์ 6%-ลุ้นกำไรพอร์ตลงทุนระยะสั้น/รับห่วงรายได้ H2

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 7, 2008 12:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ภัทร(PHATRA)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า PHATRA จะพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดธุรกิจหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ประมาณ 6% และจะพยายามจะทำให้สูงขึ้น อย่างน้อยก็ต้องรักษาฐานตรงนี้ให้ได้ก่อน พร้อมยืนยันว่าพาร์ทเนอร์รายสำคัญ"เมอร์ริล ลินซ์"ยังคงส่งออเดอร์ให้ตามปกติ 
"มาร์เก็ตแชร์เฉลี่ยของบริษัทฯอยู่ประมาณ 6% ผมพยายามรักษามาร์เก็ตแชร์ให้มันดีขึ้นนะครับ แต่อย่างน้อยก็ต้องพยายามให้มันอยู่กับที่ให้ได้ คือทุกคนทำงาน ตัวนี่ก็เป็นตัววัดที่เราจะต้องแข่งขันกับมัน ส่วนพาร์ทเนอร์ถ้าหมายถึงเมอร์ริลลินซ์ ก็ไม่มีอะไร ก็ยังทำงานปกติ ทุกวันนี้ก็ยังส่งออเดอร์ตามปกติ"นายสุวิทย์ กล่าว
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ของ PHATRA มาจากลูกค้าต่างประเทศ 50%, ลูกค้าสถาบันในประเทศ 20% และลูกค้าบุคคลในประเทศ 30%
*รายได้ส่วนใหญ่ขึ้นกับวอลุ่มเทรด-หวั่น H2/51 อาจแย่กว่า H1/51
นายสุวิทย์ กล่าวว่า รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทฯจะขึ้นอยู่กับปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2551)ตลาดฯมีความไม่แน่นอนมาก ปริมาณการซื้อขายก็ซบเซาจากที่เห็นได้ในปัจจุบัน ดังนั้น คาดว่าทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะแย่กว่าครึ่งปีแรก
"คือถ้าภาวะตลาดหุ้นไทยซบเซาลงหรือว่าปริมาณการซื้อขายน้อย ผลประกอบการของบริษัทฯก็คงจะไม่ดีเหมือนกัน...ถ้ามันแย่กว่าครึ่งปีแรกเราก็คงจะแย่กว่าครึ่งปีแรก ซึ่งผมเองก็ประเมินไม่ได้เหมือนกันว่าปริมาณการซื้อขายจะเป็นอย่างไร ก็บอกได้แค่ตัวซื้อขายในตลาดฯมีความสัมพันธ์กับรายได้ของเราพอสมควรนะครับ
ช่วงครึ่งปีหลังเท่าที่ดูมีความไม่แน่นอนเยอะมาก ปริมาณการซื้อขายก็ซบเซา ซึ่งก็เห็น ๆ กันอยู่ และดูเหมือนว่าจะไม่ดีเท่าครึ่งปีแรก อาจจะแย่กว่าครึ่งปีแรก เราก็ทำของเรา เราคิดว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องลงทุนเราก็ลง อะไรที่เราขยายเราก็ขยาย"นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯพยายามจะกระจายรายได้จากหลายธุรกิจตลอด และก็ได้มีการสร้างธุรกิจใหม่มาแล้ว 2-3 ธุรกิจ แต่คงจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการจะสร้างรายได้
"ที่จริงเรื่องของการพยายามกระจายธุรกิจเราทำมาตลอด และเราก็สร้างธุรกิจใหม่มา 2-3 อัน แต่ว่าพอจะออกดอกออกผลจะต้องใช้เวลา คือจริง ๆ เรื่องของการพยายามสร้างธุรกิจอื่นเนี่ย ไลเซ่นต์หรือว่าใบอนุญาติเรามีทำอะไรได้ เราก็พยายามดูว่าอะไรที่เราทำได้เราก็ทำ ใบอนุญาติเราก็มีครบ ยกเว้นเรื่องใบอนุญาติการจัดการกองทุนที่เรายังไม่ได้ขอ"นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ จากที่ต้นปีบริษัทมีรายได้จากดีลการนำ บมจ.เอสโซ่(ESSO)เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2551)จะเป็นอย่างไรนั้นขณะนี้ยังตอบไม่ได้
อนึ่ง PHATRA มีดีลใหญ่ในมือคือ BTS ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเลื่อนขาย IPO ไปเป็นต้นปีหน้า
*หารายได้เสริมจากพอร์ตลงทุนทั้งระยะสั้น-ยาว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PHATRA กล่าวว่า บริษัทคาดหวังว่าในปีนี้จะสามารถทำกำไรจากการบริหารพอร์ตลงทุนระยะสั้นที่เพิ่งเริ่มเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้มีแต่การลงทุนระยะยาวที่มีวงเงิน 1,000 ล้านบาท
"เรามีธุรกิจลงทุนคือจริง ๆ เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ คือเอาเงินไปลงทุนเอง เราก็ทำมาสัก 2 ปีแล้ว และการซื้อขายระยะสั้นก็เริ่มที่จะ active ขึ้น คือเมื่อก่อนไม่ค่อยได้ทำตอนนี้ก็มีคนเข้ามาดูแลเต็มที่ โดยพอร์ตลงทุนระยะยาวมีอยู่ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท ส่วนพอร์ตลงทุนระยะสั้นเอาแน่ไม่ได้ บางวันอาจจะมี 50-60 บางวันอาจจะมี 200-300 มันเอาแน่ไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับสภาพตลาดฯ คือวงเงินให้เขาไปแต่การใช้เงินไม่แน่ไม่นอน"นายสุวิทย์ กล่าว
*ลุ้นคลอด Structured Note ตัวแรกในตลาดอนุพันธ์ช่วง Q4/51
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PHATRA กล่าวอีกว่า สิ่งต่อไปที่จะทำคือการพยายามสร้างสินค้าอนุพันธ์ในรูปแบบ Structured Note และตั้งความหวังไว้ว่าจะได้เห็นสักตัวในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้(2551)
"ตัวต่อไปที่เราพยายามจะทำก็พยายามจะสร้างสินค้าอนุพันธ์ ที่เป็น Structured Note เราก็ตั้งความหวังว่า Q4/51 น่าจะได้เห็นสักตัวหนึ่ง ทั้งนี้ บริษัทฯมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาด TFEX กว่า 5% ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่มากมาย เรียกว่ายังมีธุรกรรมพอสมควร แต่ไม่ได้เป็นธุรกิจใหญ่ของเรา"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PHATRA กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ