ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) ขานรันเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ช่วยกลบความวิตกกังวลของนักลงทุนที่มีต่อการรายงานตัวเลขขาดทุนของแฟนนี่ เม บริษัทปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ของสหรัฐ และช่วยกระตุ้นให้ดัชนีพุ่งทะยานขึ้นกว่า 300 จุด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 302.89 จุด หรือ 2.65% แตะระดับ 11,734.32 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 30.25จุด หรือ 2.39% แตะระดับ 1,296.32 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 58.37 จุด หรือ 2.48% แตะระดับ 2,414.10 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.82 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
โดยเมื่อคืนนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ซึ่งภาวะดังกล่าวได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่เข้าซื้อขายในตลาดหุ้น นอกจากนั้น ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักถึง 4.82 ดอลลาร์ไปปิดที่ระดับ 115.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งกว่า 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันในตลาดโลกดำดิ่งลงไปแล้วกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐ
ฟิลิป เอส. ดาว นักวิเคราะห์จาก RBC Dain Rauscher กล่าวว่า ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าจนกดดันให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงได้เป็นปัจจัยหนุนที่ดึงดูดความสนใจของนักลลงทุนให้ส่งแรงซื้อมาในตลาดอย่างหนานแน่น แต่ยังมีนักลงทุนบางรายที่ยังมีความกังวลต่อภาคธุรกิจอยู่บ้าง
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลเงินยูโรหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกทำให้สกุลเงินยูโรไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุน
ขณะที่เคลี ฮิลล์ นักวิเคราะห์จาก Ashfield Capital Partners ในซานฟรานซิสโกกล่าวว่า เงินดอลลาร์ที่พุ่งทะยานแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่จะช่วยให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเท่านั้น แต่ยังสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับคืนมาได้อย่างมหาศาล
"นักลงทุนต้องการที่จะลงทุนกับสินทรัพย์อะไรสักอย่าง และการที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาก็ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อทั้งภาคธุรกิจและมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ"
นักลงทุนมองว่า การที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงนั้นช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐิจ เนื่องจากผู้บริโภคจะสามารถใช้จ่ายเงินได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ตลาดยังมีกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคตลาดการเงินที่ทรุดตัวลงจากผลสืบเนื่องของวิกฤติสินเชื่อเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเมื่อคืนนี้แฟนนี่ เม บริษัทปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ของสหรัฐรายงานตัวเลขขาดทุนที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.54 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขาดทุนเพียง 68 เซนต์ต่อหุ้นส่งผลให้หุ้นของแฟนนี่ เม ทรุดฮวบลง 9% แตะที่ 9.05 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ช่วยกระตุ้นหุ้นในกลุ่มสายการบินให้ปิดดีดตัวขึ้นคึกคัก อาทิ หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ถีบตัวขึ้น 16% ปิดที่ 11.13 ดอลลาร์และหุ้นคอนติเนนทัล แอร์ไลน์ อิงค์ เดินหน้าขึ้น 12% อยู่ที่ระดับ 16.48 จุด
ด้านหุ้นแมคโดนัลด์ คอร์ป พุ่งขึ้น 6.2% แตะที่ 65.67 ดอลลาร์สหรัฐหลังจากบริษัทเปิดเผยถึงอุปสงค์ผู้บริโภคที่แข็งแกร่งซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายในร้านค้าทั่วโลกพุ่งขึ้น 8% ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล โทร.0-2253-5050 อีเมล์: orasa@infoquest.co.th--