นักวิเคราะห์คาดแนวโน้มตลาดหุ้นนิวยอร์กสัปดาห์นี้ขึ้นอยู่กับทิศทางดอลลาร์,ราคาน้ำมันดิบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 11, 2008 06:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กนิวยอร์กจะจับตาดูทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและราคาน้ำมันในตลาด NYMEX ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งยอดค้าปลีกประจำเดือนก.ค. หลังจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง 4.82 ดอลลาร์และสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 302.89 จุด หรือ 2.65% ปิดที่ 11,734.32 จุดเมื่อวันศุกร์
บิล สโตน นักวิเคราะห์จากกบริษัทพีเอ็นซี เวลธ์ เมเนจเมนท์ในกรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า "ต้นทุนราคาอาหารและพลังงานที่ปรับตัวลดลงช่วยคลายความกังวลให้กับผู้บริโภค แต่ผู้บริโภคก็ยังคงเผชิญปัญหาราคาที่อยู่อาศัยทรุดตัวลง ภาระหนี้สินที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และตลาดแรงงานที่ซบเซา ทั้งนี้ เราคาดว่าทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กในสัปดาห์นี้จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์และราคาน้ำมันดิบ หากดอลลาร์ยังคงแข็งแกร่งและราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลงเหมือนสัปดาห์ที่แล้ว ก็เชื่อว่าจะช่วยพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กให้ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อไปได้ในสัปดาห์นี้"
ขณะที่ เคร็ก เพ็คแฮม นักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนจากบริษัทเจฟเฟอรีส์ แอนด์ โค กล่าวว่า "หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหรือข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่าราคาที่อยู่อาศัยทรุดตัวลงอีก นั่นหมายความว่าราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังไม่ใช่ปัจจัยบวกที่แข็งแกร่งพอที่จะพยุงตลาดหุ้นนิวยอร์กให้ปิดบวกต่อไปได้ในสัปดาห์นี้ เราเชื่อว่านักลงทุนจะจับตาดูทิศทางราคาน้ำมันดิบและค่าเงินดอลลาร์มากเป็นพิเศษ และจะให้ความสำคัญกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐด้วย"
เพ็คแฮมเชื่อว่านักลงทุนจะยังคงติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ หลังจากบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่อันดับ 1 ของโลกเปิดเผยว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุนกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่สองของปีนี้ เนื่องจากวิกฤตการณ์ด้านสินเชื่อที่ทำให้บริษัทต้องปรับลดมูลค่าของตราสารประกันความเสี่ยงกรณีผิดนัดชำระหนี้ (CDS) เป็นวงเงินประมาณ 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในสัปดาห์นี้ บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่หลายรายของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส รวมถึงบริษัทวอล-มาร์ท บริษัทมาซีส์ อิงค์ บริษัทเจซีเพนนี บริษัทโคห์ล คอร์ป และบริษัททีจี แม็กซ์ แอนด์ มาแชลส์
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้และนักลงทุนให้ความสนใจได้แก่ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย.ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันอังคาร ส่วนวันพุธจะมีการเปิดเผยยอดค้าปลีกประจำเดือนก.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
วันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ค. และจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กจะเปิดเผยผลสำรวจภาคการผลิตเดือนส.ค.และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นของสหรัฐในเดือนส.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐประจำเดือนก.ค.มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคจำเป็นต้องนำเงินที่ได้จากเช็คเงินคืนภาษีของรัฐบาลมาเป็นค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเบนซินที่ราคาถีบตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นว่าราคาอาหารและพลังงานที่แพงขึ้นส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วย สำนักข่าวเอพีรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ