นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยฮา(KASET) กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าในผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมตลาด โดยจะลงทุนเพิ่มอีก 100 ล้านบาทในการซื้อเครื่องจักรในการขยายกำลังการผลิต และจะเน้นในการสร้างแบรนด์เพื่อเพิ่มการรับรู้สินค้ามากขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายและรายได้ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตในปีหน้า เป็น 2.7 หมื่นตัน/ปี จาก 2.4 หมื่นตัน/ปี ในปีนี้
ทั้งนี้ ในครึ่งแรกมีรายได้ 1,241.39 ล้านบาท และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะสามารถสร้างรายได้รวมที่ 2,250 ล้านบาท ตามเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นรายได้รวมที่บริษัทปรับเพิ่มมาก่อนหน้านี้ จากปริมาณการส่งออกและมูลค่าขายที่ปรับเพิ่มขึ้น
"ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา การขยายตัวของเราส่วนใหญ่จะมาจากการส่งออกข้าวหอมมะลิ ซึ่งถือเป็นการส่งออกที่เพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการขายก็เพิ่มสูงขึ้นเหมือนกัน" นายสมฤกษ์ กล่าว
นายสมฤกษ์ กล่าวว่า ใน 1-2 เดือนข้างหน้า บริษัทจะมีการโรดโชว์บริษัทกับนักลงทุนประเภทสถาบัน กองทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อจะนำเสนอการขายหุ้น PP จำนวน 27 ล้านหุ้น โดยคาดว่าจะสามารถขายหุ้น PP ดังกล่าวได้ในไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งจะเป็นจังหวะที่ตลาดปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา มีกองทุนต่างประเทศสนใจซื้อหุ้น PP ดังกล่าว โดยมี FA เป็นผู้แนะนำ แต่ในการเสนอขายครั้งนี้คงจะเป็นการกระจายหลายราย เนื่องจากจะดีต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ราคาหุ้นจะไม่แกว่งตัว อีกทั้งนักลงทุนประเภทดังกล่าวมีลักษณะการถือยะยะยาว
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทเชื่อว่าอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margins) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ 14-16% จากปีก่อนที่ 12% เพราะได้รับผลดีจากการปรับราคาขายข้าวถุงในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการบริหารพอร์ตการกระจายสินค้าไม่ให้กระจุกตัว รวมทั้งการเพิ่มสินค้าแปรรูป เช่น โจ๊กคัพ บะหมี่ถ้วย ให้มากขึ้น ซึ่งทำให้สัดส่วนรายได้จากสินค้าประเภทนี้เพิ่มเป็น 25% จาก 22% ในปีก่อน และที่เหลืออีก 75% เป็นรายได้สินค้าข้่าว
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังบริษัทจะตรึงราคาขายข้าว เนื่องจากในปัจจุบันราคาข้าวได้ปรับตัวลดลงตามปัจจัยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ขณะเดียนวกันก็เป็นจังหวะในการสต๊อกข้าวไว้เช่นกัน ซึ่งมีที่ผ่านมา บริษัทได้สต๊อกข้าว ทำให้สามารถรองรับ Contract ได้ในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งระดับราคายังสูงอยู่ที่ 1,200-1,400 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากครึ่งปีแรกที่ 900-1 พันเหรียญสหรัฐฯ/ตัน
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--