ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 702.93 จุด เพิ่มขึ้น 12.23 จุด(+1.77%) มูลค่าการซื้อขาย 23,893.11 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดวัน โดยจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 715.33 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นช่วงบ่ายแรงบวกแผ่วลงและมาปิดที่ระดับต่ำสุดของวันที่ 702.93 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 207 หลักทรัพย์ ลดลง 115 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 114 หลักทรัพย์
นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้นมาจากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยในประเทศ โดยปัจจัยภายนอกขึ้นตามตลาดต่างประเทศทั้งดัชนีดาวน์โจนส์ของสหรัฐ และตลดาหุ้นในภูมิภาคเอเชียปรับขึ้น ส่วนในประเทศได้รับปัจจัยบวกจากกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ลี้ภัยออกจากประเทศ
ในภาพรวม เห็นว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน(+1.35%)มีวอลุ่มหรือปริมาณการซื้อขายมาก แต่เปอร์เซ็นต์ในการขึ้นน้อยกว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ (+4.16%)ที่ปรับขึ้นมากสุด เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลงแม้ว่าหุ้นจะได้รับปัจจัยบวกจากภาวะตลาด แต่แรงบวกก็ถูกถ่วงด้วยราคาน้ำมันโลก จึงบวกไม่แรง แต่แบงก์ขึ้นตามตลาด
"แต่มองว่าเป็นขาขึ้นระยะสั้น ความผันผวนในตลาดยังไม่หมด เพราะแม้ว่าตลาดสหรัฐเองในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะปรับขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อลดลง ถ้าราคาน้ำมันยังปรับลงอย่างนี้ ก็จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้น และก็ดีทั้งตลาดทั่วโลก แต่หุ้นน้ำมันอาจได้รับผลลบ" นายอนุพนธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางการเมืองยังไม่จบ แม้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจลี้ภัยออกจากประเทศก็ตาม เหมือนเขาถอยออกไปซึ่งทำให้ความตึงเครียดเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณน้อยลง แต่ก็ต้องติดตามรัฐบาลที่ประกาศในช่วงวันแม่ (12 ส.ค.) ถึง วันพ่อ (5 ธ.ค.) จัดงาน เพื่อสร้างความสามัคคี แต่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังไม่ยอมเลิกการชุมนุม นอกจากนี้ก็ยังมีคดีความของนายสมัคร สุนทรเวช เอง และเกี่ยวกับคดียุบพรรคพลังประชาชน รวมถึงภาพการแตกแยกกันในพรรคพลังประชาชน ฉะนั้นภาพการเมืองขณะนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนอยู่
คาดการลงทุนในวันที่ 13 ส.ค.นี้ เห็นว่าจากภาพตลาดในวันนี้ โมเมมตัมในด้านบวกยังมีอยู่ ถ้าไม่เผชิญปัจจัยลบจากต่างประเทศ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์ในคืนวันที่ 12 ส.ค. หากเป็นบวกก็จะกระตุ้นให้หุ้นไทยบวก แต่ถ้าปรับลดลง หรือทุกตลาดลบ ตลาดหุ้นไทยก็อาจจะมีแรงขายทำกำไร
"ช่วงนี้ เป็นตลาดระยะสั้น ขึ้นก็ขึ้นไม่นาน ถ้าต่างชาติซื้อก็อาจจะช่วย วันนี้ก็ชนแนวต้าน 715 จุด แต่ในวันพุธเราก็ยังให้แนวต้านไว้ที่ 715 และเป้าที่ 720 ส่วนแนวรับอยู่ที่ 700-690 จุด" นายอนุพนธ์กล่าว
ขณะที่ บล.ทรีนิตี้ ออกบทวิเคราะห์วันนี้ว่า รัฐบาลน่าจะยุบสภาไม่เกินเดือน ต.ค. 51 เพื่อลดแรงกดดันจากกรณีเขาพระวิหารรวมถึงคดียุบพรรคพลังประชาชน แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะลดความร้อนแรงลง
แต่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลยังมีคดีความต่าง ๆ ที่รอการพิจารณาจากศาลทั้งจากคดียุบพรรค คดีหวยบนดิน รวมถึงกรณีรายการชิมไปบ่นไปที่มีความคืบหน้าตามลำดับ โดยเฉพาะการยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรีจากกรณีเขาพระวิหาร หลังจากที่ ป.ป.ช. มีมติรับพิจารณาเรื่องการถอดถอนและดำเนินคดีอาญากับคณะรัฐมนตรีที่ได้รับรองแถลงการณ์ร่วมขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช. ชี้ว่าข้อกล่าวหามีมูล ผู้ถูกกล่าวหาต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งทันทีจนกว่าวุฒิสภาจะลงมติ คาด ป.ป.ช. จะทำสำนวนเสร็จในเดือน ต.ค. 51 นี้ทำให้เรามองว่ารัฐบาลน่าจะยุบสภาไม่เกินเดือน ต.ค. 51
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,994.72 ล้านบาท ปิดที่ 149.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,301.96 ล้านบาท ปิดที่ 266.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,672.88 ล้านบาท ปิดที่ 75.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
TOP มูลค่าการซื้อขาย 1,366.41 ล้านบาท ปิดที่ 52.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,259.00 ล้านบาท ปิดที่ 392.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--