บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทที่ระดับ “AA" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" โดยอันดับเครดิตองค์กรสะท้อนสถานะการทางตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ ตลอดจนการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากบริษัทแม่และหุ้นส่วนทางกลยุทธ์ของบริษัท
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวมีข้อจำกัดจากฐานะเงินทุนของบริษัทที่ต่ำและภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจน้อยลงซึ่งอาจจำกัดการเติบโตทางธุรกิจและการทำกำไรของบริษัท ส่วนอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทนั้นสะท้อนการค้ำประกันเต็มจำนวนจากบริษัทแม่ คือ ACOM Co., Ltd. ซึ่งได้รับอันดับเครดิตในระดับ “A2" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" จาก Moody’s Investor Service (Moody’s) และระดับ “BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Negative" หรือ “ลบ" จาก Standard & Poor’s (S&P) อันดับเครดิตของ ACOM มาจากฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อการบริโภค ตลอดจนการมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และการมีธุรกิจที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกจำกัดจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและความเสี่ยงด้านกฎระเบียบของทางการซึ่งมีผลกระทบในเชิงลบต่อผลประกอบการของธุรกิจให้สินเชื่อเพื่อการบริโภคที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศญี่ปุ่น
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" ของบริษัทอีซี่ บายสะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงฐานะทางการเงินและรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภคของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์เอาไว้ได้จากการมีผลการดำเนินงานที่ดี การมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งนี้ ระบบการบริหารความเสี่ยงและระบบการดำเนินงานที่เป็นที่ยอมรับของบริษัทคาดว่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจในอนาคตได้
ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สำหรับหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทนั้นสะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าผู้ค้ำประกัน คือ ACOM จะสามารถรักษาฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดสินเชื่อเพื่อการบริโภคของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์เอาไว้ได้แม้ว่าธุรกิจสินเชื่อดังกล่าวในประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวยและมีภาวะแวดล้อมในการแข่งขันที่รุนแรงก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของ ACOM ในการปรับปรุงฐานะทางการเงินหลังจากดำเนินการตามรูปแบบใหม่ในการดำเนินธุรกิจซึ่งจะนำมาซึ่งแหล่งรายได้ที่หลากหลายขึ้นและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อชดเชยกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลงอันเนื่องมาจากการควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ย
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ภายใต้สัญญาการค้ำประกันที่กำหนดภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น บริษัทแม่ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนสำหรับหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้หากบริษัทอีซี่ บายไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนด ในกรณีที่บริษัทอีซี่ บายถูกฟ้องล้มละลายและมีการจ่ายคืนหนี้แก่ผู้ถือหุ้นกู้แต่หนี้นั้นถูกเรียกคืน ภาระการชำระหนี้ดังกล่าวจะตกเป็นของบริษัทแม่ผู้ค้ำประกันและจะมีผลในการใช้หนี้ทันที นอกจากนั้น หาก ACOM มีการควบรวมกิจการ บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการจะต้องรับภาระผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย หาก ACOM ไม่สามารถจ่ายชำระตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลพาณิชย์ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ ภาระผูกพันของผู้ค้ำประกันภายใต้สัญญาการค้ำประกันนี้จะมีลำดับของสิทธิเรียกร้องเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิอื่นๆ ของผู้ค้ำประกัน
ณ เดือนมีนาคม 2551 สินเชื่อรวมของบริษัทอีซี่ บายคิดเป็นสัดส่วน 5% ของสินเชื่อรวมของ ACOM โดยเพิ่มขึ้นจาก 3% ในปี 2547 (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2547) หนี้สินของบริษัทที่ได้รับการค้ำประกันจาก ACOM มีจำนวนรวม 61,897 ล้านเยน ณ เดือนมีนาคม 2551 หรือคิดเป็น 13% ของส่วนของผู้ถือหุ้นรวมของ ACOM โดยเพิ่มขึ้นจาก 1% (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2547) บริษัทอีซี่ บายเป็นบริษัทย่อยแห่งแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของ ACOM และมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับ ACOM ในการเป็นผู้ประกอบการให้สินเชื่อเพื่อการบริโภครายสำคัญในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ ACOM ยังมีพันธะสัญญาที่เหนียวแน่นกับบริษัทในการให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและธุรกิจ อันได้แก่ การถ่ายทอดเทคโนโลยี ความรู้ที่ใช้ในธุรกิจ และนวัตกรรมทางการเงินสำหรับตลาดในประเทศไทยอีกด้วย
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปีในธุรกิจได้สร้างชื่อเสียงและความยอมรับเป็นอย่างดีให้แก่บริษัทอีซี่ บาย อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนทางการเงินและธุรกิจอย่างเต็มที่จาก ACOM เป็นปัจจัยสำคัญต่อฐานะทางการตลาดและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทในอนาคต และแม้ว่าโดยธรรมชาติของธุรกิจจะมีการกระจายความเสี่ยงอยู่แล้วจากการปล่อยสินเชื่อต่อรายในจำนวนไม่มากให้แก่ฐานลูกค้ารายย่อยจำนวนมากก็ตาม แต่บริษัทก็ยังคงมีความเสี่ยงในด้านกฎระเบียบจากภาครัฐ
คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอีซี่ บายนับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการพิจารณาประสิทธิภาพของการปล่อยสินเชื่อในขณะที่บริษัทมีข้อจำกัดจากฐานทุนที่ค่อนข้างต่ำและปัจจัยทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง บริษัทได้นำความรู้ในการดำเนินธุรกิจและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงต่างๆ จาก ACOM มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพตลาดของไทย ไม่ว่าจะเป็นแบบจำลองการให้คะแนนความน่าเชื่อถือของลูกค้า (Credit Scoring) ที่ทันสมัย การบริหารร้านค้าเครือข่ายและฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมาตรฐานและขั้นตอนการติดตามจัดเก็บหนี้เพื่อใช้ควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายเพื่อการตั้งสำรองหนี้สูญที่สูงในช่วงปี 2548-2550 เนื่องจากหนี้เสียจากธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ และยังมีหนี้เสียจำนวนมากในช่วงที่บริษัทมีปัญหากับลูกค้าเมื่อมีการประกาศใช้อัตราดอกเบี้ยใหม่ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงประสบภาวะขาดทุนจำนวน 113 ล้านบาทในปี 2549 และ 95 ล้านบาทในปี 2550 ซึ่งทำให้ฐานทุนของบริษัทลดลง และอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมลดลงจาก 9.42% ในปี 2548 เป็น 7.16% ในปี 2549 และ 5.70% ในปี 2550 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 5.94% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2551 ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะต้องเพิ่มทุนในจำนวนที่มากพอที่จะรักษาฐานทุนไม่ให้ต่ำลงไปกว่าระดับปัจจุบัน รวมไปถึงเพื่อการขยายธุรกิจต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--