นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/2551 ว่า มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง จากไตรมาสที่ 2 อย่างชัดเจน เนื่องจากหากพิจารณาจากโครงการในมือของบริษัทฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามี 15 โครงการ ซึ่งเป็นส่วนที่ยังไม่รับรู้รายได้มูลค่า 1,669 ล้านบาท ในขณะที่ สหการวิศวกร มีโครงการในมือรวม 5 โครงการ มีรายได้ที่ยังไม่รับรู้ 403 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในจำนวนดังกล่าวมีงานที่เป็นโครงการระหว่างกันจำนวน 2 โครงการคิดเป็นมูลค่า 16.21 ลบ. บริษัทจึงไม่ได้นำมารวมไว้เป็นงานในมือด้วย ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯและบริษัทย่อย มีงานในมือ 18 โครงการมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,056 ลบ. และในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังมีแผนจะประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่มด้วย รวมทั้งการขยายงานออกสู่ต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของงานที่จะได้รับในปลายปีนี้
นอกจากนี้ TRC ยังจะรับรู้รายได้จากการขายหุ้นในโครงการรอยัลราชดำริให้กับพันธมิตร ซึ่งหากรับรู้ได้ทันในช่วงไตรมาส 3/2551 ก็อาจจะส่งผลให้กำไรอยู่ในระดับที่โดดเด่น ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ดังนั้นจึงทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ระดับ 2,100 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จาก 1,600 ล้านบาทในปี 2550
"ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งงานด้านก่อสร้างและวิศวกรในงานวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ในกลุ่มธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ งานด้านวางแผนวิศวกรรม และพัฒนาโครงการ (Business Development and Investment) ทั้งทางด้านอสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี ในลักษณะ Turn Key โดยคาดว่าจะเข้าประมูลงานมากขึ้น แต่ยังไม่ได้สรุปตัวเลขที่ชัดเจนโดยส่วนใหญ่เป็นงานเร่งด่วน ทำให้รับรู้รายได้เร็วขึ้นส่งผลให้งานในมือของบริษัทมีเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว" นายสมัย กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2551 เริ่มมีการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ที่ได้รับปีนี้ คือ โครงการศูนย์ผลิตไบโอดีเซล บางปะอิน จากบริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.บางจากปิโตรเลียม มูลค่างาน 757 ล้านบาท โครงการมาลีบูเขาเต่า จาก บริษัท เอ็มทะเล จํากัด ซึ่งเป?นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท มณียา กรุ๊ป จำกัด กับนายประวิทย์ มาลีนนท์ มูลค่าโครงการโดยรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเป็นงานส่วนของสหการวิศวกร มูลค่างาน 398 ลานบาท (เฉพาะงานโครงสร้างและงานสถาปัตยกรรม) โครงการก่อสร้างระบบท่อย่อยส่งก๊าซไปยังโรงกลั่นบางจาก จาก ปตท. มูลค่างาน 315.00 ล้านบาท โครงการติดตั้งระบบ CO2 เพื่อปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติ จาก ปตท. มูลค่างาน 159.8 ล้านบาท โครงการวางท่อก๊าซเข้าสถานีบริการเอ็นจีวี 5 สถานี จาก ปตท. มูลค่างาน 94 ล้านบาท และโครงการ State and Existing Area ที่จังหวัดอยุธยา จาก ปตท.เอ็นจีดี มูลค่างาน 130.99 ล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/2551 ที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทและบริษัทย่อยอยู่ในระดับสูง คือ ร้อยละ 17.82 สำหรับไตรมาส 2/2551 และร้อยละ 20.19 สำหรับงวด 6 เดือน เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ระดับร้อยละ 13.63 และร้อยละ 14.89 ตามลำดับ เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับงานเพิ่มเติมจากโครงการวางท่อก๊าซสงขลา ซึ่งได้รับรู้ต้นทุนแล้วตั้งแต่ปีก่อน และได้รับงานซ่อมท่อส่งก๊าซฉุกเฉินที่ประเทศพม่าซึ่งเป็นงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง ส่วนบริษัทย่อยมีรายได้เพิ่มเติมจากการปรับตัวของราคาวัตถุดิบ หรือ รายได้ค่า K จึงส่งผลให้กำไรสุทธิยังเติบโตได้อย่างโดดเด่นดังกล่าว ดังนั้น เชื่อว่าในครึ่งปีหลังหากบริษัทสามารถประมูลงานได้เพิ่มขึ้นและรับรู้รายได้จากงานในมือต่อเนื่อง จะทำให้รายได้และกำไรในปี 2551 เติบโตได้อย่างโดดเด่นตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--