บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL)คาดว่า รายได้และกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มีรายได้กว่า 1.2 พันล้านบาทและกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท โดยรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอการขยายตัวลงทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตไม่มากนัก และน่าจะส่งผลต่ออัตราเติบโตของรายได้ทั้งปีนี้จะเป็นตัวเลขหลักเดียว(Single digit)จากปีก่อนด้วย
นายอนันต์ แก้มร่วมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ CSL กล่าวว่า ประมาณการรายได้ทั้งปีน่าจะอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยนัก โดยเฉพาะต่อธุรกิจการให้บริการอินเตอร์เนตผ่านโทรศัพท์พื้นฐาน และ dial-up แต่ก็ยังคงมีการเติบโตในประเภท lease line
ส่วนธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์นั้น หลังจากซื้อกิจการ บริษัท วัฎฎะ มาเป็นเวลา 1 ปี ต้องยอมรับว่ารายได้ไม่ดีนัก เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ยืนยันว่าบริษัทยังไม่คิดขายหุ้น 60% ในวัฎฎะออกไป แต่ยังพยายามปรับปรุงธุรกิจด้วยการใช้ content ที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ที่สุด ด้วยการเน้นการหารายได้เสริมจากบริการออนไลน์ให้มากขึ้น
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนพัฒนาเว็บไซด์ www.yellowpages.com เพื่อเสริมรายได้จากธุรกิจสมุดหน้าเหลือง ซึ่งจะให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นภาษาไทยผ่านอินเตอร์เนตได้ตรงกว่าการค้นหาผ่านเว็บไซด์อื่น แม้แต่ www.google.com โดยเชื่อว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการเว็บไซด์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงจากในอดีต
นายอนันต์ กล่าวว่า เว็บไซด์ของ yellowpages จะได้เห็นในราวไตรมาส 4/51 แต่จะสร้างรายได้เข้ามาภายในปี 52 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนหลายสิบล้านบาท ในระยะยาวจะสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีหลัง ธุรกิจ ISP ยังจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท โดยจะมีการลงทุนเพื่อขยายบริการและปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการราว 50-100 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าประมาณ 3 พันราย
นายอนันต์ กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนจะพิจารณานำเงินกำไรสะสมที่เหลืออยู่ 16 สตางค์/หุ้น มาจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการบริษัทว่าจะนำมาจ่ายทั้งจำนวนหรือไม่ ซึ่งเงินปันผลดังกล่าวแยกจากเงินปันผลจากกำไรที่ได้จากการดำเนินงานปกติ
"CSL พยายามที่จะเป็น dividend stock เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมารายได้ของบริษัทเติบโตไม่ดีนัก ดังนั้นก็จะต้องมีผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่ดีให้กับนักลงทุนเพื่อสร้างความน่าสนใจ และบริษัทยังมีเงินสดเหลืออยู่อีก และยังมีวงเงินที่จะกู้จากสถาบันการเงินได้หากมีความจำเป็นต้องลงทุนอีก 300-400 ล้านบาท การจ่ายปันผลตั้งแต่ครึ่งปีแรกก็ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานเงินทุนของบริษัท"นายอนันต์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร/นิศารัตน์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 322 อีเมล์: nisarat@infoquest.co.th--