ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ. ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) มีมติอนุมัติยกเลิกสายธุรกิจผลิตเครื่องปรับอากาศ โดยจำหน่ายสินทรัพย์ทั้งหมดในสายธุรกิจผลิตเครื่องปรับอากาศ ได้แก่ เครื่องจักร อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องใช้สำนักงาน และสินค้าคงเหลือ มูลค่าตามบัญชี ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 เท่ากับ 53.66 ล้านบาท ให้แก่บุคคลที่ไม่มีความเกี่ยวโยง ทั้งนี้ให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคม 2551
พร้อมทั้งดำเนินการเลิกจ้างพนักงานในสายธุรกิจผลิตเครื่องปรับอากาศทั้งหมด โดยมอบหมายให้ฝ่ายจัดการพิจารณาจัดจ้างพนักงานบางส่วนชั่วคราวต่อเนื่องตามความเหมาะสม จนกว่าการจำหน่ายสินทรัพย์จะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างพนักงานครั้งนี้ ประมาณ 14.50 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในการพิจารณายกเลิกสายธุรกิจผลิตเครื่องปรับอากาศ คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า ธุรกิจดังกล่าวประสบผลขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และจากการติดตามประเมินสถานการณ์ภาวะอุตสาหกรรมโดยรวมแล้ว มีแนวโน้มที่ภาวะการแข่งขันจะทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ ในขณะที่เครื่องจักรและอุปกรณ์ของบริษัท ณ ปัจจุบันส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานเกินกว่า 10 ปี มีสภาพการใช้งานที่มีข้อจำกัด ไม่สามารถผลิตสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการส่วนใหญ่ของตลาดปัจจุบันที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ได้ และในการพัฒนาความสามารถ หรือเทคโนโลยีการผลิตยังต้องใช้เงินลงทุนจำนวนค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ การที่บริษัทได้ขยายการดำเนินธุรกิจสู่ธุรกิจถ่านหินนับแต่ช่วงต้นปี 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าน่าจะมีศักยภาพในการทำกำไรได้สูงกว่าธุรกิจผลิตเครื่องปรับอากาศที่ในอดีตที่ผ่านมาที่มียอดขายและความสามารถในการทำกำไรต่ำกว่าจุดคุ้มทุนจึงได้กำหนดนโยบายมุ่งเน้นการทำธุรกิจไปยังธุรกิจถ่านหิน และยกเลิกสายธุรกิจผลิตเครื่องปรับอากาศดังกล่าว
อนุมัติในหลักการให้ควบรวมกิจการ บริษัท ทีโก้เซลส์ จำกัด บริษัทย่อยของ TCC เข้ากับ TCC ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากมติยกเลิกสายธุรกิจผลิตเครื่องปรับอากาศ เนื่องจาก TCS เดิมจัดตั้งขึ้นเพื่อทำกิจกรรมทางการตลาดให้กับ TCC ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระในการจัดการและบริหารงานใน TCS คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติเห็นชอบในหลักการให้ควบรวมเอากิจการของ TCS เข้ามารวมกับ TCC โดยให้นำเรื่องดังกล่าวบรรจุเป็นวาระพิจารณาในการประชุมผู้ถือหุ้นที่จะจัดให้มีขึ้นในครั้งต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังการควบรวมกิจการดังกล่าว ฐานะทางการเงินหรืองบการเงินของ TCC จะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย โดยสามารถประเมินภาพรวมของผลกระทบในเบื้องต้นจากข้อมูลตามงบการเงินเฉพาะของบริษัทและงบการเงินรวม งวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันของสินทรัพย์รวม และส่วนของผู้ถือหุ้นรวมเพียงเล็กน้อย โดยสาเหตุที่คณะกรรมการบริษัทไม่พิจารณาทางเลือกในการเลิกกิจการและชำระบัญชี เนื่องจาก ณ ปัจจุบัน TCS ยังคงมีคดีความฟ้องร้องลูกหนี้การค้าซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้พิจารณาตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเต็ม 100% แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการซึ่งสถานะปัจจุบันยังไม่อาจทราบข้อยุติของคดีดังกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--