โบรกเกอร์ กลับคำแนะนำมา"ซื้อ"หุ้นบมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) หลังเห็นผลกำไรสุทธิในไตรมาส 2/51 โตก้าวกระโดด 201% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมองว่าครึ่งปีหลังจะขายที่ดินได้มากขึ้น อาจถึง 1 พันไร่ จากครึ่งปีแรกที่ขายได้ 475 ไร่ หลังภาวะการเมืองคลี่คลายทำให้การเจรจาขายที่ดินให้นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์น่าจะสรุปได้ภายในปีนี้ และส่งผลดีต่อกำไรสุทธิของบริษัท ขณะที่ราคาหุ้นขณะนี้มองว่ายังค่อนข้างต่ำ ทำให้มี Upside gain อยู่มาก
ราคาหุ้น AMATA ล่าสุดเมื่อ 10.35 น.อยู่ที่ 12.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (+1.64%) โดยก่อนหน้านี้หุ้น AMATA ปรับลงไปต่ำสุดที่ 10.20 บาท เป็นราคาต่ำสุดในรอบ 7 เดือน
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 17.80
บล.บัวหลวง ซื้อ 16.70
บล.เคทีบี ซื้อ 16.50
บล.บีฟิท ซื้อ 16.50
บล.สินเอเซีย ซื้อ 15.90
บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 14.50
บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 14.33
นักวิเคราะห์ จาก บล.เคทีบี กล่าวว่า ผลประกอบการ AMATA ในไตรมาส 2/51 ดีกว่าที่คาดไว้ จากรายได้การขายที่ดินเพิ่มขึ้น 78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้รวมในไครมาส 2 เติบโตค่อนข้างดี และมีกำไรสุทธิ 329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 201% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ประกอบกับ สถานการณ์การเมืองในช่วงครึ่งปีหลังคลี่คลายลงจะทำให้นิคมอุตสาหกรรมมดีขึ้นจากการที่นักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุน
"กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมฯค่อนข้างจะอ่อนไหวต่อบรรยากาศการลงทุน แม้ว่าจะมีนักลงทุนจะเป็นญี่ปุ่นเสียเยอะ แต่ราคาหุ้นอ่อนไหวกับต่อภาวะการเมือง ถ้าการเมืองไม่ดีก็ไม่ค่อยน่าสนใจ และมองในแง่อัพไซด์ราคาน่าจะดีขึ้น"นักวิเคราะห์ กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่ารายได้จากกาาขายที่ดินจะทำได้ 1.2 พันไร่ จากที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ 1.7 พันไร่ โดยคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 1,356 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกจะมีสัดส่วน 44%ข องประมาณการกำไรสุทธิที่คาดไว้ และที่เหลือ 56% น่าจะทำได้
บริษัทมี backlog ที่มี 1,137 ล้านบาท และยังได้ประโยชน์มาตรการภาษีกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็เชื่อว่าครึ่งปีหลังน่าจะทำยอดขายได้ดีขึ้น พร้อมกันนนั้นก็ยังมีการเจราจากับผู้ผลิตธุรกิจยานยนต์รายใหญ่ อย่าง ทาทา มอเตอร์ส ซึ่งน่าจะเห็นการเซ็นสัญญาในครึ่งปีหลังในล็อตใหญ่
"ตัว AMATA เด่นสุดในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ยังน่าสนใจเป็นอันดับหนึ่ง ...ราคาหุ้นตอนนี้มองว่าราคาค่อนข้างต่ำ ก็ยังมีอัพไซด์อยู่ประมาณ 35%"นักวิเคราะห์ก กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 50 AMATA มีกำไรสุทธิ 1,055 ล้านบาท และในช่วง 6 เดือนแรกปี 51 มีกำไรสุทธิ 593 ล้านบาท
ด้านบล.บัวหลวง กลับมาแนะนำ"ซื้อ" หุ้น AMATA เห็นว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/51 ปรับตัวอย่างก้าวกระโดดถึง 201% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 25% จากไตรมาสที่แล้ว มาอยู่ที่ 329 ล้านบาทจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรที่ดีขึ้นและภาษีจ่ายที่ลดลงซึ่งเป็นผลจากมาตรการลดภาษีของรัฐบาล กำไรของ AMATA สูงกว่าประมาณการของเราอยู่ 11% และสูงกว่าประมาณการตลาด 30%
และเชื่อว่าราคาหุ้น AMATA ที่ปรับลดลงอย่างมากในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งปีหลังและการปรับลดประมาณการกำไรของตลาดไว้แล้ว
ในช่วงที่ผ่านมาตลาดได้ปรับเป้ายอดขายที่ดินสำหรับปี 2551 ลง 10-30% มาอยู่ที่ประมาณ 1,000-1,100 ไร่หลังจากบริษัททำยอดขายที่ดินได้เพียง 475 ไร่ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งทำให้ประมาณการของตลาดลดลงมาอยู่ในระดับเดียวกับประมาณการของเราที่ 1,000 ไร่
บล.บัวหลวงเริ่มจะเห็นโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการ จากที่ผู้บริหารกล่าวว่าบริษัทกำลังเจรจาต่อรองขายที่ดินให้แก่บริษัท Tata Motors หากดีลดังกล่าวประสบความสำเร็จ เป้ายอดขายที่ดินอาจปรับเพิ่มขึ้น 400-500 ไร่ หรือประมาณ 50%
ส่วนบล.เกียรตินาคิน เห็นว่า ปัจจัยเสี่ยงจากยอดขายที่ดินของปี 51 ที่ผู้บริหารคาดไว้ที่ 1,700 ไร่ เนื่องจากในช่วง 1H51 บริษัททำยอดขายที่ดินได้ 475 ไร่ คิดเป็น 28% ของเป้าหมาย โดยมีประเด็นที่มีโอกาสกระทบต่อยอดขายที่ดินคือการเมืองที่ยังขาดเสถียรภาพสร้าง อาจสร้างความไม่มั่นใจต่อนักลงทุนในการขยายธุรกิจทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ
อย่างไรก็ตาม เรามองว่าจากการขยายตัวของชิ้นส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีผู้ประกอบการจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนหลายบริษัท เช่น Suzuki,Honda,Toyota,TaTa,Nissan,Mitsubishi รวมถึงลูกค้าอุตสาหกรรมอื่นๆเช่น อาหาร อิเล็คทรอนิคส์ ฯลฯ ที่ยังให้ความสนใจโดยมีพื้นที่ดินที่ลูกค้าพิจารณาเพื่อขยายธุรกิจต่อเนื่องยังคงมีอยู่ โดยมีลูกค้าที่อยู่ระหว่างเซ็นสัญญากว่า 1,000 ไร่ ยังคงเป็นโอกาสที่ดีต่อบริษัท
คาดผลประกอบการปี 51 มีรายได้จากทุกธุรกิจ 5,056 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,263 ล้านบาท รวมทั้งราคาหุ้นยังมี Upside gain อยู่มาก
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--