(เพิ่มเติม) ฺBANPU คาดยอดขายปี 51-52 โตตามราคาถ่านหิน,ออกหุ้นกู้-ลงทุนGreen Energy

          นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU)คาดว่า รายได้จากการขายรวมในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนกว่า 50% มาที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางราคาถ่านหินในภูมิภาคที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ซึ่งทำให้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทปีนี้อยู่ที่ 70 เหรียญ สรอ./ตัน สามารถชดเชยกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าที่ปรับลดลง ทั้งจากโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในจีนด้วย
          ในครึ่งหลังปีนี้คาดว่าจะผลิตถ่านหินได้มากกว่า 11.2 ล้านตันตามแผน ซึ่งมา กกว่าครึ่งปีแรกที่ผลิตได้ 8.89 ล้านตัน ทำให้คาดว่ารายได้จาการขายถ่านหินปีนี้จะเติบโตมากกว่า 50% จากรายรับที่มากขึ้น และครึ่งปีหลังราคาขายถ่านหินน่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรก รวมทั้งปริมาณขายที่สูงขึ้น และการรับรู้รายได้จากที่บริษัทเข้าลงทุนในบริษัท เอเชี่ยน อเมริกัน โคลด์ อิงค์ (AACI) ในประเทศจีน ที่จะเป็นงบรวมเข้ามา อีกทั้งราคาถ่านหินในจีนอยู่ระดับสูง
          สำหรับในปี 52 บริษัทตั้งเป้าการผลิตถ่านหินที่ 22.8 ล้านตัน จากปีนี้ที่จะมียอดผลิต 20 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเหมือง AACI ที่จะรับรู้เข้ามาเต็มที่ในปีหน้า 2.8 ล้านตัน โดยขณะนี้บริษัทได้ทำสัญญาขายล่วงหน้าถ่านหินของปี 52 ไปแล้ว 20% ส่วนเหลือยังไม่กำหนดราคา ซึ่งจะกระจายไปตามการตกลง 
          อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทิศทางราคาถ่านหินจากนี้ไปถึงสิ้นปี 52 จะยังอยู่ในระดับ 100 เหรียญ สรอ./ตัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 152 เหรียญ สรอ./ตัน  และคาดว่าปีหน้าราคาถ่านหินเฉลี่ยก็ไม่น่าจะต่ำกว่าในปีนี้
          “ระดับราคาถ่านหินปีหน้าไม่มีใครตอบได้ แต่คิดว่าจะเกิน 100 เหรียญ สรอ./ตันคงไม่สูงมาก เพราะที่ผ่านมาราคาถ่านหินจะผันผวนตามราคาน้ำมันอย่างมาก ซึ่งนักลงทุนต่างชาติก็ถามผมในเรื่องนี้เช่นกัน"นายชนินท์ กล่าว
          นายชนินท์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาราคาหุ้น BANPU มีความผันผวนสูงและมีเทรดกันมาก เพราะราคาถ่านหินเป็นปัจจัยที่ดึงราคาหุ้นขึ้น-ลง โดยส่วนใหญ่จะมองเทียบกับราคาหุ้นถ่านหินในภูมิภาคมากกว่าอิงกับตลาดหุ้นไทย ซึ่งตั้งแต่ต้นปีราคาถ่านหินไต่จาก 100 เหรียญ สรอ./ตัน มาสูงสุดที่ 190 เหรียญ สรอ./ตัน จากนั้นก็ตกลงมา ทำให้มีการเก็งกำไรกันมาก  และส่วนหนึ่งก็เป็นไปตามความผันผวนของราคาน้ำมันที่มีต่อหุ้น Commodity ด้วย 
*เตรียมเสนอขายหุ้นกู้-ลงทุนพลังงานสะอาด
          นายชนินท์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ราว 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเสร็จในไตรมาส 4/51 ส่วนที่เหลืออีก 9,000 ล้านบาท จะเปลี่ยนจากหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว  เพื่อปรับโครงสร้างภาระหนี้ของบริษัท 
          นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด(Green Energy)ราว 1.2 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 2% ของสินทรัพย์รวม ตามเป้าหมายที่กำหนดว่าในช่วง 5 ปี(2552-2556)บริษัทจะมีการลงทุนในธุรกิจ Green Energy มากขึ้น 
          ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมของธุรกิจพลังงานประเภทต่างๆ เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และ Biofuel โดยคาดว่าในปีหน้านี้จะได้เห็นโครงการพลังงานทดแทนของ BANPU เกิดขึ้นในประเทศไทย นอกจากนี้ยังดูการลงทุนที่อินเดียและออสเตรเลียด้วยแต่ตัวเลขเงินลงทุนคงไม่ใหญ่มาก
          "ธุรกิจพลังงานทดแทนบางส่วนจะเป็นการร่วมทุน เพราะมีเรื่องเทคโนโลยีเข้ามา ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 1-2 โครงการอยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือก"นายชนินท์ กล่าว  
          อย่างไรก็ตาม ในแผน 5 ปี บริษัทก็จะยังคงเน้นลงทุนในธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้า โดยมีสัดส่วน 60-70% และ 30-40% ตามลำดับ และตั้งเป้าหมายมีอัตราการเติบโตมากกว่า 15% ต่อปี