นายสวง ทั่งวัฒโนทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูบิส(เอเชีย)หรือ UBIS คาดว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท จากผลดีที่บริษัทได้ปรับขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ย 5-10% ในช่วงไตรมาส 2/51 ที่จะเริ่มสะท้อนเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 3/51 และหากราคาวัตถุดิบปรับตัวทรงตัวหรือลดลงตามราคาน้ำมัน ก็จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)เพิ่มสูงขึ้นด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มอัตรากำไรด้วยการหันมาเน้นยางยาแนวฝากระป๋องมากขึ้น ซึ่งมีมาร์จินสูงกว่าแลคเกอร์ 5%
"บริษัทคงให้ความสำคัญในการเพิ่มกำไรสุทธิมากกว่ายอดขาย เพราะกำไรเป็นส่วนสำคัญและเป็นกลยุทธของบริษัท ขณะที่ยอดขายทำได้อยู่แล้วตามเป้าที่วางไว้ 10-20% จากปีก่อนเพราะปริมาณความต้องการของลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ยังมีเหมือนเดิม" นายสวง ระบุ
นายสวง เชื่อว่า ช่วงครึ่งปีหลังคำสั่งซื้อจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากทั้งลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ โดยเฉพาะการส่งออกในแถบเอเชีย อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ที่จะมีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่มากถึง 50% จากความต้องการสินค้าประเภทเครื่องดื่มทำให้ผู้ประกอบการมีความต้องการใช้ยางยาแนวเพิ่มขึ้น
"จากความต้องการที่มีอยู่สูง ยอมรับว่าที่ผ่านมาได้มีการเข้าไปศึกษาการเข้าเทคโอเวอร์บริษัทที่ดำเนินธุรกิจคล้ายกับบริษัทเพื่อต่อยอด และเป็นวิธีที่ทำให้บริษัทมีอัตราเติบโตก้่าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาได้ศึกษาและเสนอราคากับบริษัทที่อิตาลี แต่ไม่สามารถแข่งขันในเรื่องราคากับประเทศในแถบยุโรปได้" นายสวง กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงที่จะศึกษาการเข้าเทคโอเวอร์บริษัทอื่นอยู่ แต่จะหันมามองบริษัทในแถบเอเชียแทน เพราะต้นทุนถูกกว่าและสะดวกในการขนส่งมากกว่าแถบยุโรป ส่วนความคาดหวังว่าจะเห็นได้เมื่อไหร่คงยังพูดได้ยาก แต่ยืนยันว่าบริษัทไม่มีปัญหา เพราะมีกระแสเงินสดกว่า 40 ล้านบาท รวมถึงมีวงเงินที่สามารถขอกู้จากสถาบันการเงินได้อีกกว่า 300 ล้านบาท เพียงพอหากจะต้องเทคโอเวอร์กิจการอื่น
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--