นายปีเตอร์ เทอร์โมท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบมจ. โกลว์ พลังงาน (GLOW) กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้า่สำหรับแผนการขยายกำลังการผลิตต่อไป ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) หรือธุรกิจผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน ซึ่งทั้ง 3 โครงการใหม่นี้ถือว่าเป็นการลงทุนครั้งสำคัญของบริษัท โดยในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนทั้งสิ้นมากกว่า 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท) ซึ่งจากการประสานประโยชน์ร่วมกันนี้ การขยายโครงการจะก่อให้เกิดผลกำไรที่สูงขึ้นและจะส่งผลให้รายได้บริษัทขยับขึ้นสู่ระดับใหม่ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนส.ค. GLOW ได้ส่งหนังสือบอกกล่าวให้เริ่มการก่อสร้างแก่ผู้รับเหมาสำหรับโครงการขยายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนและไอน้ำร่วมแห่งใหม่ ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิต 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า ซึ่งโครงการนี้ได้รับการยืนยันการซื้อขายไฟฟ้าแล้วประมาณร้อยละ 70 ของกำลังการผลิต
"โครงการนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการขยายอุตสาหกรรมปิโตรเคมีระยะที่ 3 และบริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำสัญญากับลูกค้าสำหรับกำลังการผลิตที่เหลืออยู่ร้อยละ 30 ได้ก่อนการดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3 ของปี 2554 นอกจากนี้สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน CFB3 กำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างนั้น ขณะนี้สามารถตกลงทำสัญญากับลูกค้าได้ทั้งหมดแล้ว" นายปีเตอร์ กล่าว
ส่วนต้นทุนการก่อสร้างของโครงการ CFB 3 กำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์ และ โครงการขยายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนและไอน้ำร่วมแห่งใหม่ กำลังการผลิต 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า ซึ่งรวมถึงการลงทุนในส่วนของระบบจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำนั้น จะมีมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 725 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) โกลว์จะใช้เงินลงทุนเพียง 225 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงระหว่างปี 2553-2554 เท่านั้น
ด้านนายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน GLOW กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนในขณะนี้ โดยบริษัทจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานและการกู้ยืมเงินซึ่งจะเพียงพอสำหรับโครงการทั้งหมดในประเทศไทย ดังกล่าว
ในขณะที่การจ่ายเงินปันผลจะยังคงเป็นไปดังเช่นที่ผ่านมา
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--